×

เคาะแล้ว! หุ้น Tesla จะเข้าคำนวณในดัชนี S&P 500 ทั้งจำนวนในคราวเดียว 21 ธันวาคมนี้

01.12.2020
  • LOADING...
เคาะแล้ว! หุ้น Tesla จะเข้าคำนวณในดัชนี S&P 500 ทั้งจำนวนในคราวเดียว 21 ธันวาคมนี้

ได้ข้อสรุปแล้ว สำหรับการเข้าคำนวณในดัชนี S&P 500 ของหุ้น Tesla ว่าจะเข้าคำนวณทั้งจำนวนในคราวเดียว จากก่อนหน้าที่มีการหารือกันในแวดวงตลาดทุนว่าอาจจะมีแบ่งเป็น 2 ล็อต โดยหลังจากได้ข้อสรุปออกมาแล้ว ผู้จัดการกองทุนและนักวิเคราะห์ต่างพอใจกับขั้นตอนนี้ และคาดการณ์กันว่าในวันที่ 21 ธันวาคมจะมีเม็ดเงินจากกองทุนต่างๆ ไหลเข้ามาซื้อหุ้น Tesla หลายพันล้านดอลลาร์ 

 

ตัวแทนจาก S&P Dow Jones Indices (S&P DJI) ระบุว่า หุ้น Tesla จะเข้าคำนวณในดัชนี S&P 500 ทั้งจำนวนในคราวเดียว แม้จะมีมูลค่าตลาดมากกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์ก็ตาม 

 

ตัวแทน S&P DJI กล่าวว่า หุ้นทั้งหมดจะถูกเพิ่มเข้าในดัชนีด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ที่ปรับค่าลอยตัวก่อนเปิดการซื้อขายในวันที่ 21 ธันวาคม และจะมี 1 บริษัทในดัชนี S&P 500 ที่ถูก Tesla แทนที่ โดยจะมีการเปิดรายชื่อดังกล่าวในวันที่ 11 ธันวาคมนี้

 

ทั้งนี้ การตัดสินใจและดำเนินการเกี่ยวกับการเข้าคำนวณในดัชนี S&P 500 เป็นไปตามข้อเสนอจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน จึงต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ เนื่องจากครั้งนี้เป็นการเพิ่มหุ้น (หรือหลักทรัพย์) ที่ใหญ่ที่สุด เท่าที่เคยนำเข้าคำนวณในดัชนี S&P 500

 

ราวต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา S&P DJI เป็นผู้ประกาศว่า Tesla จะเข้าร่วม S&P 500 และอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะเพิ่มหุ้น Tesla ทั้งหมดพร้อมกันในคราวเดียว ก่อนที่ตลาดจะเปิดซื้อขายในวันที่ 21 ธันวาคม หรือจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วงคือวันที่ 14 และ 21 ธันวาคม

 

“ในการตัดสินใจ S&P DJI ได้พิจารณาถึงการตอบสนองที่หลากหลายที่ได้รับ รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ได้แก่ สภาพคล่องของ Tesla และความสามารถของตลาดในการรองรับปริมาณการซื้อขายที่สำคัญในปัจจุบัน” ตัวแทน S&P DJI กล่าว 

 

โดยการเข้าคำนวณดัชนี S&P 500 ของ Tesla จะเกิดขึ้นพร้อมกับการหมดอายุของ Stock Options and Stock Futures ของหลักทรัพย์หลายๆ บริษัท รวมถึงผลิตภัณฑ์และเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ ซึ่งจะทำให้ปริมาณการซื้อขายสูงในวันนั้น

 

โฮวาร์ด ซิลเวอร์บลาตต์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์อาวุโส ของ S&P DJI ระบุว่า มูลค่าตลาดที่ปรับลอยตัวของ Tesla ที่ 4.37 แสนล้านดอลลาร์ จะเพิ่มสู่มูลค่าการซื้อขาย 7.27 หมื่นล้านดอลลาร์จากผู้จัดการกองทุนดัชนีต่างๆ ที่ลงทุนตามเบนช์มาร์ค ซึ่งจะเป็นแรงซื้ออีกก้อน นอกเหนือจากแรงซื้อขายปกติจากนักลงทุนในวันที่ 21 ธันวาคม

 

“ความจริงก็คือ เมื่อ S&P ประกาศในตอนแรก และรวบรวมความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องในตลาดทุน ทั้งในมุมของการลงทุนและบริหารจัดการ มันเป็นการบอกสิ่งที่ผู้ลงทุนจำเป็นต้องรู้ด้วยเช่นกัน และเป็นการชี้ให้เห็นชัดเจนว่าเหตุการณ์นี้มีความเฉพาะตัวเพียงใด” พอล ฮิกคีย์ ผู้ก่อตั้ง Bespoke Investment Group กล่าว

 

ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้น Tesla พบว่า ตั้งแต่ประกาศการเข้าคำนวณในดัชนีดังกล่าว ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นมาเกือบ 40% และตั้งแต่ต้นปีจนปัจจุบัน (สิ้นสุดวันที่ 30 พฤจิกายน 2563) ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นแล้ว 580%

 

ฮิกคีย์กล่าวว่า สาเหตุที่ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากนั้น มาจากการเก็งกำไรจากนักลงทุนที่คาดหวังว่าผู้จัดการกองทุนจะต้องเข้าซื้อหุ้น Tesla อย่างแน่นอน

 

อ้างอิงจาก S&P DJI พบว่า ปัจจุบันสินทรัพย์ภายใต้เบนช์มาร์คของ S&P 500 มีมากกว่า 11.2 ล้านล้านดอลลาร์ โดยกองทุนดัชนีมีมูลค่าประมาณ 4.6 ล้านล้านดอลลาร์

 

“กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย เพื่อให้มีที่ว่างสำหรับหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ของ Tesla ดังนั้น จะมีการทำรายการย่อยๆ จำนวนมากเกิดขึ้น” สเตฟานี ฮิลล์ หัวหน้าฝ่ายหลักทรัพย์ของ Mellon กล่าว โดยฮิลล์ดูแลสินทรัพย์ประมาณ 3.5 แสนล้านดอลลาร์ กล่าวถึงสองตัวเลือกที่นำเสนอโดย S&P DJI ว่า การเพิ่ม Tesla เข้าคำนวณในคราวเดียวสมเหตุสมผลมากกว่า และจะเพิ่มธุรกรรมในวันที่ 21 ธันวาคม อย่างมีนัยสำคัญ 

 

เช่นเดียวกันกับ Goldman Sachs ที่คาดการณ์ไว้เมื่อเร็วๆ นี้ว่า การเพิ่ม Tesla เข้า S&P 500 อาจดึงเงินลงทุนราว 8 พันล้านดอลลาร์ จากกองทุนรวมขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ

 

บทความที่เกี่ยวข้อง:

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising