×

ฟื้นยาวหรือชั่วคราว? วิเคราะห์ ‘Tesco’ พ่อเลี้ยง ‘โลตัส’ ที่เปลี่ยนเกมขายลูกกลับคืนให้เจ้าสัวธนินท์

โดย THE STANDARD TEAM
20.03.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • ชื่อของ ‘Tesco’ แบรนด์ค้าปลีกรายใหญ่สัญชาติอังกฤษได้รับความสนใจจากคนไทยมากขึ้นทันทีที่กลุ่ม CP ของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ เป็นผู้ชนะการประมูลซื้อ ‘เทสโก้ โลตัส’ ด้วยราคาไม่ธรรมดา 3.38 แสนล้านบาท
  • ประเด็นคือ Tesco ถูกวิจารณ์มาหลายเดือนแล้วว่าอาจอยู่ในสถานะร่างกายแข็งแรงแบบชั่วคราว จากการเป็นบริษัทเดินดิน Tesco พัฒนาตัวเองจนเป็นบริษัทดาวรุ่ง ก่อนจะกระโจนลงเหวและเข้าสู่ช่วงรักษาแผลจน (ดูเหมือน) หายดีขึ้นแล้ว แต่ปรากฏว่าภาพลักษณ์ของ Tesco ในปีนี้ยังเหมือนรุงรังด้วยปัญหามากมาย
  • นักลงทุนข้องใจในการฟื้นตัวที่อาจไม่ยั่งยืนเท่าที่ควรของ Tesco จากหลายเหตุผล หนึ่งในนั้นคือการตัดสินใจลาออกของผู้บริหารที่พา Tesco ผ่านคืนวันโหดร้าย และอีกหลายปัญหารอบด้านที่สะท้อนว่าพ่อเลี้ยงที่ดูแลโลตัสตั้งแต่วิกฤตต้มยำกุ้งแทนพ่อตัวจริงอย่าง CP นั้นมีโอกาสถูกเล่นงานจากมรสุมการแข่งขันในตลาดค้าปลีกยุคใหม่ ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตพื้นที่กว้างขวางมักเสียเปรียบ

เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD ว่า ‘เทสโก้ โลตัส’ เป็นเหมือนลูกที่ขายไปฝากให้คนอื่นเลี้ยงตอนวิกฤตต้มยำกุ้ง Tesco จึงมีสถานะเหมือนพ่อเลี้ยง ที่วันนี้นึกอยากเปลี่ยนเกมแล้วขายลูกกลับคืนให้พ่อที่แท้จริง

 

เส้นทางชีวิตของพ่อเลี้ยงอย่าง Tesco น่าสนใจมาก หลังจากขยายตัวอย่างรวดเร็วสู่ตลาดเอเชีย สหรัฐอเมริกา และยุโรปในช่วงปี 90 Tesco ยอมทิ้งความทะเยอทะยานในต่างประเทศเพื่อกลับมาเน้นการต่อสู้ที่บ้านเกิดในสหราชอาณาจักร โดยเฉพาะการแข่งขันกับคู่แข่งดาวรุ่งที่เน้นขายสินค้าราคาประหยัดเพื่อดึงดูดประชาชนชาวอังกฤษ

 

นักสังเกตการณ์บางสำนักยังวิเคราะห์ว่า ห้างซูเปอร์มาร์เก็ตของสหราชอาณาจักรมียอดขายเติบโตสูงสุดในรอบหลายปี เพราะราคาสินค้าที่สูงขึ้น ผลจากอัตราเงินเฟ้อและค่าเงินปอนด์ที่อ่อนลงภายหลังจากภาวะ Brexit

 

ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า Tesco เป็นองค์กรที่มีศักยภาพระดับทองแท้ หรือคือทองปลอมที่ข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง

 

 

 

ขายธุรกิจอุตลุด

หากมองข้ามประวัติศาสตร์ 122 ปี หลังจาก แจ็ค โคเฮน ก่อตั้ง Tesco จนมีรายได้ 4 ปอนด์ในวันแรก มาเป็นบริษัทที่มีรายได้มากกว่า 2 ล้านล้านบาท ภาพจำที่เด่นที่สุดของ Tesco ยุคใหม่คือการตัดสินใจกลับบ้านเกิด หลังจากขยายตัวอย่างรวดเร็วสู่ตลาดเอเชีย สหรัฐอเมริกา และยุโรปในปี 90 

 

Tesco ตัดสินใจขายแบรนด์ Fresh & Easy ธุรกิจใหม่ในสหรัฐอเมริกาทิ้งในปี 2013 โดยให้เหตุผลว่าเป็นเพราะความแตกต่างทางวัฒนธรรม ทำให้ Tesco มองว่าควรม้วนเสื่อออกไปก่อนจะเจ็บหนักกว่านี้

 

หลังจากนั้น Tesco ก็ประกาศถอนตัวจากจีน เพราะล้มเหลวในการเจาะตลาดผู้บริโภคชาวจีนเช่นกัน

 

การขายนี้เกิดขึ้นก่อนจุดหักเหใหญ่ของบริษัทในปี 2014 ปีนั้นคือปีมหาวิปโยคที่กลุ่ม Tesco ถูกตรวจสอบโดยคณะกรรมการจากสำนักงานปราบปรามการทุจริตของอังกฤษ (Serious Fraud Office) ข้อหาหลักคือ Tesco แสดงบัญชีไม่ตรงกับการดำเนินการจริง การแต่งบัญชีให้สวยผิดธรรมชาติทำให้หุ้นของกลุ่ม Tesco ลดลงจนขาดทุน 3.1 แสนล้านบาทในระยะเวลาไม่กี่เดือนหลังเกิดเรื่อง

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ กลุ่ม Tesco จึงตัดสินใจขายกิจการในหลายประเทศ รวมถึงประเทศมาเลเซีย และ เทสโก้ โลตัส ในประเทศไทย เพื่อนำเงินไปชำระหนี้สินและพยุงสถานะทางการเงินของกลุ่มบริษัท

 

 

Photo: ฐานิส สุดโต / THE STANDARD

 

 

อย่างไรก็ตาม เวลานั้นกลุ่ม Tesco กลับเปลี่ยนใจปฏิเสธการขายกิจการในไทยและมาเลเซีย เนื่องจากเป็นฐานรายได้หลักนอกประเทศอังกฤษของกลุ่ม Tesco บนจำนวนสาขารวม 2 ประเทศ 2,000 แห่ง และพนักงาน 60,000 คน สัดส่วนรายได้ 13% ของกำไร Tesco

 

เวลานั้น Tesco เปิดตัวแผนกู้วิกฤตบริษัทเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในสหราชอาณาจักร ขณะเดียวกันก็เทขายธุรกิจในเกาหลีใต้ด้วยมูลค่า 4.2 พันล้านปอนด์ในปี 2015

 

สำหรับการขายธุรกิจในไทยและมาเลเซียรอบนี้ เดฟ ลูอิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Tesco ระบุว่า “ดีลนี้จะทำให้ Tesco ก้าวไปข้างหน้าและโฟกัสธุรกิจหลักได้ง่ายขึ้น” เพราะการเหลือสาขาในสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ และยุโรปกลางเท่านั้น (โปแลนด์และฮังการี) จะทำให้สามารถลดหนี้และเพิ่มความคล่องตัว ทำให้สามารถเทสมาธิบริหารงานในพื้นที่ไข่แดงของบริษัทได้แข็งแกร่งขึ้น

 

แต่ดีลนี้ปรากฏขึ้นในวันที่ซีอีโอลูอิสเตรียมลงจากตำแหน่งในปีนี้ โดยจะมีการตรวจสอบบัญชี Tesco ครั้งใหญ่ย้อนหลังในช่วง 5 ปีที่ลูอิสรับผิดชอบบริษัท เวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ลูอิสผ่าตัด Tesco ด้วยการปรับโครงสร้าง ตัดทิ้งงานหลายพันตำแหน่งเพื่อลดต้นทุน ร่วมกับการควบรวมกิจการกับ Booker ผู้ค้าส่งในประเทศ 

 

จนทำให้ลูอิสได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ทำให้ Tesco ทำกำไรได้อีกครั้งหลังจากเข้ารับตำแหน่งในปี 2014 โดยเปลี่ยนจากการขาดทุน 6.4 พันล้านปอนด์ในปี 2014 เป็นกำไร 2 พันล้านปอนด์ในปี 2019

 

 

เดฟ ลูอิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Tesco ผู้พลิกธุรกิจให้กลับมาฟื้นอีกครั้ง

 

 

สารพันปัญหา Tesco

แม้จะเห็นกำไรแล้ว แต่นักลงทุนมอง Tesco ว่าเป็นองค์กรปัญหาเยอะ เนื่องจากการใช้เงินมหาศาลกับการเปิดร้านซูเปอร์มาร์เก็ตใหม่ที่อังกฤษและพื้นที่อื่น ซึ่งผลตอบแทนกลับไม่ได้หวือหวาพอจะทำให้ผู้คนชื่นชมว่าการลงทุนนั้นยอดเยี่ยม

 

ปัญหาของ Tesco ยังมีประเด็นการแข่งขัน แรงกดดันจากคู่แข่งในตลาดค้าปลีกสะท้อนว่า Tesco มีจุดอ่อนไม่น้อยที่ต้องแก้ไขให้ทันยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ปัญหาต่อมาคือพฤติกรรมลูกค้าที่เคยเป็นตัวชูโรงให้ Tesco มีรายได้เพิ่มขึ้นมาหลายสิบปี แต่สัญญาณล่าสุดสะท้อนว่ายุคทองของซูเปอร์มาร์เก็ตร้านใหญ่กำลังหมดลง

 

ขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายประจำจากการเปิดร้านซูเปอร์มาร์เก็ตยังทำให้ผลตอบแทนการลงทุนของ Tesco ไม่เติบโตเท่าที่ควร วันนี้ผู้คนยังสงสัยว่า แท้จริงแล้ว Tesco ทำเงินรายได้เท่าใด กลายเป็นประเด็นไม่เชื่อใจที่ต่อเนื่องจากการปกปิดบัญชีในปี 2014

 

ยังมีตัวเลขกระแสเงินสดที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน สะท้อนความหนี้ท่วมของบริษัท ทั้งที่เป็นหนี้ใหญ่และหนี้แฝง

 

เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ Tesco มีทางออก 3 ทาง เริ่มจากต้องหยุดภาวะยอดขายและกำไรขาลง และพยายามดันตัวเลข 2 ขาให้เติบโตอีกครั้ง นอกจากนี้ยังต้องเปลี่ยนกำไรให้เป็นกระแสเงินสดที่คล่องกว่านี้ ที่สำคัญต้องไม่ลืมชำระหนี้ ซึ่งถ้า 3 ส่วนนี้สำเร็จ Tesco จึงจะถูกจัดเข้าทำเนียบ ‘แข็งแรงอย่างยั่งยืน’ 

 

 

 

3 สิ่งที่ Tesco ต้องทำให้ได้

สิ่งแรกคือการหยุดภาวะยอดขายและกำไรขาลง สามารถทำได้เมื่อ Tesco เป็นบริษัท Sales-led หรือบริษัทที่เติบโตด้วยยอดขาย มากกว่าการเป็นบริษัทที่เติบโตได้เพราะการลดค่าใช้จ่าย การจะทำโจทย์ข้อนี้ให้ได้นั้น Tesco ต้องกลับมาชนะใจลูกค้าเก่าที่ตอนนี้หันไปซื้อสินค้ากับร้านอื่น

 

3-4 ปีก่อน Tesco มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 30% ในตลาดของชำอังกฤษ แต่แล้วก็เสียส่วนแบ่งให้กับคู่แข่งที่จำหน่ายสินค้าราคาต่ำกว่าอย่าง Aldi และ Lidi ดาวรุ่งจากเยอรมนีที่ร้อนแรงมากจนเพิ่มยอดขายต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2009 

 

กำไรที่เพิ่มขึ้นบนโครงสร้างบริษัทที่ไม่ซับซ้อน ทำให้ Aldi ผงาดจนโดดเด่นกว่าบริษัทผู้ให้บริการซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ 4 รายในตลาดเมืองผู้ดี ทำให้นักลงทุนมองว่าผู้เล่นรายใหม่อย่าง Aldi มีศักยภาพดีกว่าเพราะมีหนี้น้อยกว่าและมีโอกาสขยายตัวได้มากกว่าในอนาคต

 

เดิมพันที่ 2 ที่ Tesco ต้องทำให้ได้คือ การสร้างกระแสเงินสดให้คล่องตัวขึ้น จิ๊กซอว์ตัวนี้ดูจะเข้าคู่กันกับดีลขายโลตัสกลับคืนให้ CP ซึ่งจะเป็นยาแรงที่ทำให้ Tesco หายใจคล่องขึ้น อย่างไรก็ตาม ยานี้ต้องกินคู่กับการปรับพฤติกรรมที่ Tesco จะต้องลดการลงทุนลง แนวโน้มนี้เห็นชัดว่า Tesco รู้ดีและพยายามตัดภาระรอบตัวทิ้งไปเพื่อให้ตัวเองลงทุนน้อยที่สุด

 

ดีลขายโลตัสกลับคืนให้ CP จะช่วยให้ Tesco ชำระหนี้ได้เร็วเหมือนเมื่อครั้งขายธุรกิจในเกาหลีใต้ นอกจากนี้นักวิเคราะห์บางรายยังมองว่า Tesco อาจจะขายทิ้งธุรกิจอื่นในยุโรปอีกก็ได้ในอนาคต ซึ่งจะช่วยลดหนี้ได้ชัดเจน 

 

 

Photo: ฐานิส สุดโต / THE STANDARD

 

อย่างไรก็ตาม Tesco เป็นบริษัทที่มีหนี้แฝงจากสัญญาการเช่าระยะยาวในพื้นที่ร้านซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งทั่วอังกฤษ ซึ่งยังเป็นความท้าทาย เพราะการลดหนี้กลุ่มนี้ต้องใช้เงินและพลังมากกว่า เพราะจัดการได้ยากกว่าหนี้ทั่วไป

 

สิ่งที่ยังรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ คือการฟื้นตัวระยะยาวจนทำให้ราคาหุ้น Tesco กลับมาสดใสอีกครั้ง ประเด็นนี้หลายฝ่ายลุ้นกันมาก โดยเฉพาะเมื่อ Tesco ต้องพบกับนายใหม่อย่าง เคน เมอร์ฟี ตัวเต็งผู้รับไม้ต่อจากซีอีโอคนปัจจุบัน

 

เมอร์ฟีมีดีกรีเป็นมือดีของบริษัทค้าปลีกสินค้าสุขภาพและความงามอย่าง Boots ความจริงนี้ทำให้เมอร์ฟีมีภาพผู้เชี่ยวชาญงานค้าปลีกที่เข้าใจการลดต้นทุน 

 

แต่ความท้าทายคือ เมอร์ฟีจะต้องใช้ทักษะในการกระตุ้นยอดขายออร์แกนิกในยุคที่ฝืดเคืองกว่ายุคของลูอิส และเกมการตัดราคานั้นจะเข้มข้นขึ้นอีกเมื่อเทียบกับประวัติศาสตร์เกิน 122 ปีของ Tesco

 

122 ปีจากดินสู่ดาว

จุดเริ่มต้นของ Tesco นั้นเกิดขึ้นเมื่อ 122 ปีก่อน ผู้ก่อตั้ง Tesco อย่างโคเฮนนั้นเริ่มเปิดร้านชำเมื่อปี 1919 ด้วยเงินปลดประจำการหลังจากสิ้นสงคราม 30 ปอนด์จากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โคเฮนเป็นบุคคลที่มีเลือดผู้ประกอบการเต็มตัว เพราะแม้จะอายุมากและสุขภาพไม่ดี แต่โคเฮนก็ยังไปเยี่ยมดูร้านค้าในรถโรลส์-รอยซ์ในช่วงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะเสียชีวิตในปี 1979 เมื่ออายุ 81 ปี

 

แบรนด์ Tesco นั้นเกิดในปี 1924 เมื่อโคเฮนได้พบกับ T.E. Stockwell หุ้นส่วนในธุรกิจใบชา เวลานั้นโคเฮนซื้อใบชามากกว่า 500 หีบ แล้วตั้งชื่อแบรนด์ว่า Tesco Tea กลายเป็นชื่อแบรนด์ที่เปลี่ยนโฉมหน้าการช้อปปิ้งในสหราชอาณาจักรอย่างชัดเจน

 

ตลอด 100 ปีที่ผ่านมา Tesco รอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจและสงครามด้วยหลักการ ‘กองสินค้าให้มากแล้วขายในราคาถูก’ Tesco ยังเจาะตลาดที่เศรษฐกิจไม่ดีด้วยการเริ่มผลิตสินค้าแบรนด์ Tesco ทำให้บริษัทสามารถลดราคาให้ต่ำลงโดยยังมีกำไร

 

 

 

ดาวรุ่งอย่าง Tesco เตะตานักลงทุนในยุคนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย แม้แต่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็เคยซื้อหุ้นของ Tesco เช่นกัน แต่เมื่อเกิดวิกฤตปี 2014 เจ้าพ่อหุ้นอย่างบัฟเฟตต์ก็ยังไม่ทน และตัดสินใจเทขายหุ้น Tesco ทิ้งกว่า 245 ล้านหุ้นในเวลานั้นเพราะผิดหวังในผลประกอบการ และการตกแต่งบัญชีของบริษัทที่มีผู้บริหารระดับสูงมีส่วนรู้เห็น

 

จากราคาหุ้น Tesco ที่ตกลงมาเกือบ 50% ในปีเดียว ซีอีโอคนปัจจุบันอย่างลูอิสคือคนที่เข้ามากอบกู้บริษัทขึ้นจากเหว การสูญเสียลูอิสจึงถูกประเมินว่าเป็นเรื่องใหญ่ของ Tesco เพราะแม้จะประเมินได้ยากว่าลูอิสมีอิมแพ็กต่อ Tesco มากขนาดไหน แต่การที่ลูอิสสามารถพลิกผลประกอบการขาดทุนยับเยินมาเป็นกำไรได้นั้นถือว่าเป็นผลงานที่หลายคนยอมรับ

 

สิ่งที่ Tesco ต้องพิสูจน์ให้ได้ในช่วง 100 ปีนับจากนี้คือ ชีวิตเหลือเชื่อของตัวเองไม่ใช่ภาพลวงตา แต่เป็นการฟื้นตัวจากโคม่าได้ยั่งยืนของจริง

 

รู้หรือไม่:

  1. ห้างซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ 4 อันดับ หรือ ‘Big Four’ ของอังกฤษ ได้แก่ Tesco, Sainsbury’s, Asda และ Morrisons โดยห้างทั้ง 4 มีส่วนแบ่งตลาด 69.3% ในปี 2017 ลดลงจาก 76.3% เมื่อ 5 ปีก่อน มีการคาดการณ์ว่าส่วนแบ่งตลาดของห้างทั้ง 4 จะลดลงอีกในระยะเวลาอันใกล้ ขณะที่ห้างขายสินค้าราคาถูก เช่น Aldi และ Lidl จะมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น

 

  1. ภาวะเงินเฟ้อและค่าเงินปอนด์ที่อ่อนลงภายหลังจาก Brexit ทำให้มีการประเมินว่าผู้บริโภคอังกฤษจะต้องจับจ่ายสินค้าแพงขึ้นโดยเฉลี่ยถึง 138 ปอนด์ต่อปีทีเดียว

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X