×

นวพลอ่านเป็นเอก: เรื่องน่ารู้ที่เป็นเอกเผลอบอก และทีมงานเผลอเล่า

25.01.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 Mins read
  • เนื่องจากเป็นเอกไม่เคยออกหนังสือเบื้องหลังด้วยตัวเองอย่างจริงจัง (มีแต่เล่มที่เขียนโดยทีมงาน) ดังนั้นการจะเอาเกร็ดเบื้องหลังเขามาได้ต้องเก็บเล็กผสมน้อยจากที่เขาเผลอเล่าออกมาในบทสัมภาษณ์ที่ผ่านมา
  • สายป่าน อภิญญา เริ่มต้นแคสต์ด้วยการขอทีมงานสูบบุหรี่ไปด้วย แสดงไปด้วย หลังจากนั้นเธอก็สูบบุหรี่ต่อหน้ากล้องเลยจริงๆ นั่นทำให้เป็นเอกได้พบกับสายป่าน และนั่นทำให้สายป่านแจ้งเกิดในวงการทันทีจากหนังเรื่องนี้

ส่วนตัวเป็นคนที่อ่านสัมภาษณ์ของ เป็นเอก รัตนเรือง มาโดยตลอด 20 ปี นอกจากคำสัมภาษณ์ที่ตลกมืดและน่าสนใจสม่ำเสมอแล้ว เรื่องราวเบื้องหลังในกองถ่ายหนังของเขาเกือบทุกเรื่องมีก็เรื่องน่าสนใจและตลกมืดสม่ำเสมอเช่นกัน เนื่องจากเป็นเอกไม่เคยออกหนังสือเบื้องหลังด้วยตัวเองอย่างจริงจัง (มีแต่เล่มที่เขียนโดยทีมงาน) ดังนั้นการจะเอาเกร็ดเบื้องหลังของเขามาได้ต้องเก็บเล็กผสมน้อยจากที่เขาเผลอเล่าในบทสัมภาษณ์ที่ผ่านมา ข้าพเจ้าจึงย้อนกลับไปอ่านหนังสือเหล่านั้นอีกครั้ง รวมถึงโทรหาทีมงานบางยูนิต เผื่อจะได้ของดีมาเติม

 

 

ฝัน บ้า คาราโอเกะ (2540)

  • ก่อนหนังจะชื่อ ฝัน บ้า คาราโอเกะ หนังเรื่องนี้เคยชื่อว่า ‘คิดถึง’
  • ตัวละคร ‘ปู’ ได้คาแรกเตอร์มาจากน้องปู ผู้ช่วยฝ่ายโพสต์โปรดักชันที่บริษัทของเป็นเอก และน้องปูคนนี้ ในเวลาถัดมาได้เป็นน้องสะใภ้ของ ปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
  • ส่วน เฟย์ อัศเวศน์ ผู้รับบท ปู ไม่มีประสบการณ์ทางการแสดงมาก่อน
  • เป็นเอกเคยเลือกภาพโปรโมตหนังเป็นภาพขาวดำทั้งเซต แต่เมื่อส่งไปที่ค่ายก็ถูกรีเจกต์ทั้งหมด

 

 

เรื่องตลก 69 (2542)

  • ก่อนหน้าจะชื่อ เรื่องตลก 69 หนังเรื่องนี้ชื่อ ‘เรื่องของคนอื่น’ ซึ่งก่อนหน้าจะชื่อเรื่องของคนอื่น หนังเรื่องนี้เคยจะชื่อว่า ‘เสือก’ เนื่องจากเป็นเอกอยากให้เวลาคนดูไปซื้อตั๋วหนังนั้นแล้วคนขายถามว่าจะดูเรื่องอะไรคะ เราจะได้ตอบว่า เสือก / ตัดภาพไป ค่ายไม่ให้ผ่าน จบครับ
  • เป็นเอกจะโกรธ ถ้าคนเรียกหนังเรื่องนี้ว่า ‘ตลก 69’ แทนที่จะเรียกว่า เรื่องตลก 69 เพราะสำหรับเขา ตลก 69 ฟังดูเป็นหนังตลก ส่วน เรื่องตลก 69 ฟังดูเป็นหนังซีเรียส
  • เป็นเอกพบหมิว ลลิตา ครั้งแรกที่เทศกาลหนังในลอนดอน สมัยที่เขาเอา ฝัน บ้า คาราโอเกะ ไปฉาย หมิวมาดูหนังเรื่องนั้นด้วยเช่นกัน แต่เป็นเอกไม่รู้จัก จากจุดนั้นเองที่ทำให้ได้พบกับนางเอกคนใหม่ของเขาในเวลาต่อมา
  • ก่อนหน้าจะเป็นหมิว ลลิตา เขาเคยมีไอเดียจะเลือกแหม่ม คัทลียา, มาช่า วัฒนพานิช, ใหม่ เจริญปุระ มานำแสดงเป็น ตุ้ม ด้วยเช่นกัน
  • เบิ้มและน้อย ตัวละครแก๊งทวงหนี้สองคนที่มาทวงกล่องมาม่าจากตุ้มในตอนเริ่มเรื่อง ทีแรกจะนำแสดงโดย บุ๋มบิ๋ม สามโทน และเร แมคโดนัลด์ ซึ่งเป็นตัวละครคู่หูมือปืนของเสี่ยในหนังเรื่อง ฝัน บ้า คาราโอเกะ โดยชื่อตัวละครเบิ้มและน้อยก็เป็นชื่อเดียวกับตัวละครของบุ๋มบิ๋มและเรใน ฝัน บ้า คาราโอเกะ
  • อพาร์ตเมนต์ของตุ้มถูกเซตขึ้นมาจากโรงพยาบาลเก่า ไม่ใช่อพาร์ตเมนต์จริงๆ หากสังเกตในหนัง ทางเดินในชั้นจะกว้างกว่าปกติ เพราะจริงๆ มันคือทางเดินโรงพยาบาล
  • แบล็ค ผมทอง (เฮียค่ายมวย) ถูกค้นพบที่สวนจตุจักรโดยเป็นเอกเอง
  • เฟย์ อัศเวศน์ เป็นตากล้องภาพเบื้องหลังของหนังเรื่องนี้ ภาพหมิว ลลิตา อมกระบอกปืนในโปสเตอร์ถ่ายโดยเฟย์
  • รอบสื่อมวลชนของหนังเรื่องนี้ หมิว ลลิตา ต้องพาคุณแม่เดินออกระหว่างฉาย เพราะคุณแม่ทนดูไม่ไหวกับบางฉากที่ลูกสาวต้องเล่นแบบฮาร์ดคอร์
  • ป้าตือ-สมบัษร ถิระสาโรช แห่งรายการ ตือสนิท คือคนทำเสื้อผ้าให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมถึงหนังเรื่อง มนต์รักทรานซิสเตอร์ ด้วย

 

 

มนต์รักทรานซิสเตอร์ (2544)

  • ปกติ อุ้ม สิริยากร เป็นคนไม่พูดคำหยาบ ดังนั้นฉาก ‘ไอ้เหี้ย’ เธอจึงเล่นตามสคริปต์ที่เขียนมาเท่านั้น ทั้งๆ ที่เธอคิดว่าน่าจะด่าอะไรได้มากกว่านั้น แต่ดันนึกคำไม่ออก
  • สมเล็ก ศักดิกุล เล่นภาพยนตร์เป็นครั้งแรกในหนังเรื่องนี้ ขณะถ่ายทำ สมเล็กเครียดมาก รู้สึกเล่นได้ไม่ดี เลยมาขอลาออกจากการแสดง เป็นเอกถามว่าปัญหาคืออะไร สมเล็กบอกว่าเขาจำบทไม่ได้ เป็นเอกเลยบอกว่าพี่อยากเล่นอะไรก็เล่นไปเลย ไม่ต้องจำบท จากนั้นเราจึงได้เห็นคาแรกเตอร์เสี่ยสุวัตรที่ตลกฮาร์ดคอร์บนจอภาพยนตร์
  • อำพล รัตน์วงศ์ นักแสดงที่เล่นเป็นตัวละคร บักเสี่ยว ถูกค้นพบที่โรงถ่ายรายการโทรทัศน์ เพราะเป็นช่างไฟอยู่ที่นั่น
  • มีการดีไซน์การถ่ายหนังเรื่องนี้ไว้ว่า ถ้าเป็นพาร์ตต่างจังหวัดจะถ่ายด้วยฟิล์มและฟิลเตอร์ที่ให้ผลทางภาพที่นุ่มนวล แต่เมื่อเข้าพาร์ตกรุงเทพฯ หนังจะถ่ายด้วยฟิล์มที่เกรนแตกเยอะๆ ให้อารมณ์ความดิบหยาบ
  • พาร์ตต่างจังหวัดของหนัง ตัวละครจะไม่มีโทรทัศน์เลยสักบ้าน ตามคอนเซปต์ของหนังที่อยากทำให้เป็นภาพฝันแบบนิยาย และเป็นโลกที่อยู่เหนือกาลเวลาและความจริง
  • เป็นเอกแสดงรับเชิญในฉากงานวัด เขากระโดดเต้นผ่านกล้องในชั่วพริบตาขณะที่แผนกับสะเดากำลังเต้นอยู่

 

 

Last Life in the Universe เรื่องรัก น้อยนิด มหาศาล (2546)

  • ทุนสร้างของหนังเรื่องนี้คือ 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 77 ล้านบาท เป็นการร่วมทุนระหว่าง 5 บริษัท 5 ชาติ
  • หนังเริ่มจากการที่เป็นเอกให้ปราบดาไปเขียนสตอรีของหนังมาจากไอเดียบางอย่างของเขา ปราบดาหายไป 2 เดือนและกลับมาพร้อมกับเรื่องสั้นขนาดยาวชื่อ I am home ก่อนที่เป็นเอกจะเอาไปพัฒนาต่อจนกลายเป็นบทหนังเรื่องนี้
  • ต้นแบบของตัวละคร เคนจิ คือคุณโนริฮิโกะ โยชิโอกะ หนุ่มชาวญี่ปุ่นซึ่งทำงานอยู่ที่ Japan Foundation ที่เมืองไทย ซึ่งปราบดา หยุ่น คนเขียนบท รู้จักในเวลานั้น ปัจจุบันโยชิโอกะยังทำงานเป็นผู้อำนวยการบริหาร Japan Foundation
  • เสื้อผ้าของทาดาโนบุ อาซาโน่ หรือตัวละครเคนจินั้น เป็นเอกใช้วิธีการซื้อเสื้อผ้าจากฮ่องกงส่งไปให้อาซาโน่ที่ญี่ปุ่น 12 ชุด แล้วบอกให้ถ่ายรูปส่งกลับมาให้ดู แต่อาซาโน่เลือกถ่ายกลับมาให้ดูแค่ 8 ชุด เพราะคิดว่าอีก 4 ชุดนั้นไม่เหมาะกับตัวละคร รวมถึงทรงผมนั้น อาซาโน่ก็ขอออกแบบเองเช่นกัน นอกจากนั้นเขายังเตรียมหมากฝรั่งมาเองเพื่อให้ตัวละครตัวนี้เคี้ยวด้วย
  • บ้านของตัวละคร น้อย (นุ่น-ดารัณ บุญยศักดิ์) หามาได้ด้วยความยากลำบาก ทีมหาโลเคชันต้องแข่งกันโดยแบ่งเป็นสองทีม ทีมแรกไปทางใต้ของกรุงเทพฯ 300 กิโลเมตร และอีกทีมไปทางตะวันออกของกรุงเทพฯ 300 กิโลเมตร สุดท้ายเจอบ้านนี้ที่บางแสน
  • ก่อนถ่ายทำ เป็นเอกให้นุ่น ดารัณ ไปนอนค้างในบ้านร้างที่จะใช้ถ่ายทำเป็นบ้านของน้อย 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้นักแสดงชินกับบ้านจริงๆ
  • สมุดนิทานจิ้งจกเดียวดายนั้นมีของจริงและมีเนื้อหาจริง โดยทำขึ้นเพื่อหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ
  • โปสเตอร์ Last Life in the Universe ออกแบบโดย ภาณุ อิงคะวัต แห่ง Greyhound
  • เมื่อเข้าโรงฉายจริง หนังเรื่องนี้มีทั้งเวอร์ชันอาซาโน่ซับไทย และอาซาโน่พากย์ไทย
  • เป็นเอกแสดงรับเชิญในฉากเคนจิและน้อยกระโดดเต้นที่ตู้เกมเต้น โดยเขานั่งหลับเอาหัวพิงอยู่ข้างตู้

 

 

Invisible Waves คำพิพากษาของมหาสมุทร (2549)

  • ปราบดาเขียนบทหนังเรื่องนี้ที่ฮ่องกง โดยไปเช่าห้องอยู่ที่นั่นประมาณ 1 เดือน
  • การขออนุญาตถ่ายหนังที่ฮ่องกงนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก มีเรื่องเล่าว่าหนังฮ่องกงบางเรื่องใช้วิธีการถ่ายแบบกองโจรด้วยการนั่งรถตู้กันมา ปล่อยนักแสดงไปเล่นฉากยิงกันกลางถนน พอถ่ายเสร็จก็รีบวิ่งขึ้นรถตู้แล้วไปเลย ในหนังเรื่องนี้ก็มีอะไรแบบนั้นเช่นกัน มีฉากที่ต้องแอบนั่งรถตู้กันขึ้นไปถ่ายบนดาดฟ้าอาคารแห่งหนึ่ง เพราะอยากได้วิวด้านหลังเป็นเรือใหญ่วิ่งผ่านหลังไป ทีมงานก็ต้องไปกันน้อยๆ แต่แล้วสุดท้ายก็มีเจ้าหน้าที่เดินขึ้นมาตรวจ แต่ทางทีมก็ส่งคนไปทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวมาถามทางกับเจ้าหน้าที่เพื่อถ่วงเวลา ก่อนที่จะหนีออกจากอาคารได้ทันท่วงที

 

 

พลอย (2550)

  • หลังจากที่หานักแสดงเด็กสาวที่จะมารับบทเป็นพลอยกันอย่างยาวนาน และหาไม่ได้สักที วันหนึ่งเป็นเอกก็ได้ดูเทปแคสติ้งของเด็กชื่อสายป่าน อภิญญา เธอเริ่มต้นแคสต์ด้วยการขอทีมงานสูบบุหรี่ไปด้วย แสดงไปด้วย หลังจากนั้นเธอก็สูบบุหรี่ต่อหน้ากล้องเลยจริงๆ นั่นทำให้เป็นเอกได้พบกับสายป่าน และนั่นทำให้สายป่านแจ้งเกิดในวงการทันทีจากหนังเรื่องนี้
  • หมิว ลลิตา พูดถึงสายป่านกับเป็นเอกว่า “เด็กคนนี้มันน่ากลัว เพราะมันไม่กลัวอะไรเลย”
  • ห้องโรงแรมของสามีภรรยาในหนังนั้นเป็นฉากที่สร้างขึ้นมาใหม่หมดเลย และสร้างบนดาดฟ้าของอาคารเพื่อให้ดีไซน์ได้ตามที่บทต้องการ เป็นความท้าทายของทีมโปรดักชันดีไซเนอร์ที่จะสร้างฉากขึ้นมาบนสถานที่จริงๆ เพราะพวกเขาต้องการให้บรรยากาศนอกห้องนั้นมีความสูงจริงๆ ตามชื่อห้อง 609 (ชั้น 6)
  • โคอิชิ ชิมิสึ ดีไซน์ให้เสียงบรรยากาศสนามบินอบอวลอยู่ในฉากห้องโรงแรมของตัวละครด้วย

 

 

นางไม้ (2552)

  • สิ่งที่ยากที่สุดของหนังเรื่องนี้คือการแคสติ้งต้นไม้ในป่าเพื่อหาคาแรกเตอร์ของต้นไม้ที่ถูกต้องสำหรับหนัง เนื่องจากต้นไม้ที่อยากได้นั้นเป็นต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ในป่าลึก แต่ปัญหาคือทีมงานไม่สามารถเข้าไปถ่ายทำในป่าลึกได้จริงๆ จึงต้องหาต้นไม้จากโซนที่ไม่ลึกมาก แล้วค่อยตกแต่งต้นไม้ต้นนั้นให้เหมือนกับต้นไม้ในป่าลึก โดยก่อนที่จะตกแต่งนั้นต้องมีการไหว้บูชาต้นไม้เพื่อขออนุญาตที่จะทำเพิ่ม ด้วยความคิดว่าต้นไม้ 100 ปีเหล่านี้อาจจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อาศัยอยู่จริงๆ
  • ปีเตอร์-นพชัย ชัยนาม ไปขอนอนในบ้านที่จะใช้ถ่ายทำจริงๆ ก่อนเริ่มงาน ปีเตอร์อยู่จนเหมือนเป็นบ้านตัวเอง เมื่อเป็นเอกและทีมงานมาเยี่ยมที่บ้าน ปีเตอร์ก็ไปชงกาแฟให้พวกเขากินราวกับมีแขกมาเยี่ยมจริงๆ

 

 

ฝนตกขึ้นฟ้า (2554)

  • หนังเรื่องนี้ต้องมีฝน แต่ตอนกำลังจะเริ่มถ่ายทำเป็นช่วงที่กำลังจะพ้นหน้าฝนแล้ว จึงกลายเป็นปัญหาของการถ่ายทำ (หนังเรื่องอื่นอาจจะเกลียดฝน หรือพยายามไม่ถ่ายหน้าฝน ในขณะที่ ฝนตกขึ้นฟ้า ต้องการฝนจริงเป็นอย่างมากสำหรับฉากภาพกว้างที่เห็นบรรยากาศทั้งหลาย เพราะเครื่องทำฝนไม่สามารถทำได้กว้างขนาดนั้น) ดังนั้นทีมงานจึงแก้ไขปัญหาด้วยการสร้างทีมย่อยขึ้นมาก่อนจะไปออกกองจริงๆ เพื่อเก็บภาพที่ต้องการฝนจริงๆ ไว้ก่อน โดยแต่ละวันทีมนี้คอยตามหาว่าวันนี้มีฝนบริเวณไหน เมื่อรู้แล้วก็จะยกกล้อง ยกกองออกไปถ่ายทำกัน ดังนั้นภาพกว้างที่รถยนต์วิ่งฝ่าฝนต่างๆ ในหนังนั้นเป็นผลงานของทีมเล็กทีมนี้ หนังจึงได้บรรยากาศฝนตกจริงๆ ทั้งเรื่อง
  • การถ่ายทำหนังจะไล่เรียงจากความยาวผมของปีเตอร์ นพชัย โดยเริ่มจากฉากผมยาวสุด และถ่ายไปเรื่อยๆ จนจบที่บรรดาซีนที่ปีเตอร์ต้องโกนหัว

 

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก พวัสส์ สวัสดิ์ชัยเมธ, หนังสือของนวรัตน์ รุ่งอรุณ, หนังสือของเชิดพงษ์ เหล่ายนตร์, นิตยสาร a day, HAMBURGER และ Bioscope

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising