ปัจจุบันผู้หญิงยุคใหม่จำนวนไม่น้อยต่างก็มีภาระหน้าที่รับผิดชอบกันมาก ไหนจะต้องทำงานนอกบ้าน ไหนจะต้องดูแลบ้านและครอบครัว ด้วยภาระหน้าที่ในชีวิตประจำวันที่มีอยู่มากมายเช่นนี้ หลายคนจึงประสบปัญหาละเลยการดูแลตัวเอง แม้บางครั้งจะมีสัญญาณที่ร่างกายพยายามบ่งบอก แต่ก็ได้แต่ผัดวันประกันพรุ่งออกไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่เป็นผลดี เพราะอาจนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพที่ลุกลามได้ 

 

ทั้งนี้ สถานการณ์โควิดยังส่งผลให้การเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลนั้นทำได้ไม่สะดวกนัก ปัญหาสุขภาพของผู้หญิงจึงอาจไม่ได้รับการดูแลและรับคำวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างทันท่วงที ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพในระยะยาว แต่โชคดีที่ทุกวันนี้ความก้าวหน้าทางการแพทย์ทางไกลพัฒนาขึ้นมาก เราจึงมีรายละเอียดของโครงการดีๆ อย่าง Telemedicine: Empowering Women for a Better Healthcare ที่ทำให้ผู้หญิงปรึกษาแพทย์เฉพาะทางแบบออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลา มาฝากกัน

 

3 โรคสุขภาพภัยใกล้ตัวที่ผู้หญิงมองข้ามไม่ได้

 

 

• ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome: PCOS) พบมากถึง 1 ใน 10 ของสตรีวัยเจริญพันธุ์ เกิดจากความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อหรือฮอร์โมนในร่างกาย โดยจะพบซีสต์หรือถุงน้ำขนาดเล็กหลายใบในรังไข่ ส่งผลให้การทำงานของรังไข่ผิดปกติ กระทบกับร่างกาย จิตใจ และการใช้ชีวิต เช่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ, อ้วนง่าย, หน้ามัน, สิวเยอะ หรือมีขนดก เป็นต้น หากมีสัญญาณเตือนของภาวะ PCOS ควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ เพื่อขอรับคำแนะนำเกี่ยวกับการรักษาภาวะ PCOS ไม่ควรซื้อยามากินเองหรือปล่อยเอาไว้ เพราะโรคอาจลุกลามได้

 

 

• โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) หรือช็อกโกแลตซีสต์ มีอาการปวดประจำเดือนยาวนานกว่ารอบเดือนหรือปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ปวดบริเวณท้องน้อยเรื้อรัง ปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน หลังช่วงล่าง ขา หรือบริเวณอื่นๆ และปวดน้อยขณะมีเพศสัมพันธ์ หากไม่ได้รับการรักษาจะกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังส่งผลให้มีบุตรยากด้วย

 

 

• ภาวะ PMS และ PMDD หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า PMS (Premenstrual Syndrome) หรืออาการผิดปกติซึ่งมักจะเกิดขึ้นก่อนมีประจำเดือนราว 1-2 สัปดาห์นั้น เป็นอาการซึ่งเกิดจากฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง PMS มีอาการที่แสดงออกทั้งทางร่างกายและทางอารมณ์ ได้แก่ ปวดท้อง, ท้องอืด, ตะคริว, อยากอาหาร, กินจุ, อ่อนเพลีย, ปวดศีรษะ, ปวดตามข้อต่อและกล้ามเนื้อ, นอนไม่หลับ, คัดหน้าอก ส่วนอาการที่แสดงออกทางอารมณ์ ได้แก่ ขี้หงุดหงิด, ขี้รำคาญ, อารมณ์แปรปรวน, วิตกกังวล, หดหู่, ซึมเศร้า, รู้สึกไร้ค่า และยังมีภาวะ PMDD หรือ Premenstrual Dysphoric Disorder กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนที่มีความรุนแรงกว่า PMS คือมีอาการผิดปกติทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ อย่างรุนแรง โดยสัมพันธ์กับช่วงก่อนมีประจำเดือน เช่น เครียดจัด, หงุดหงิดมาก, โมโหร้าย หรือซึมเศร้าอย่างมาก ผู้หญิงส่วนใหญ่อาจคิดว่าอาการต่างๆ เหล่านี้ ‘จำเป็นต้องเป็น’ และหายเองได้โดยไม่จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์หรือไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะไม่มีทางแก้ไข ต้องรอจนกว่าจะหายไปเอง การแก้ไขส่วนใหญ่มักแก้ที่ปลายเหตุ เช่น ดื่มน้ำอุ่น กินยาแก้ปวด ฯลฯ แต่อันที่จริงแล้วแพทย์สามารถให้คำปรึกษา และแนะนำแนวทางแก้ไขบรรเทาอาการเหล่านี้ได้

 

Telemedicine: Empowering Women for a Better Healthcare ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลา โครงการดีๆ ที่เป็นห่วงผู้หญิงยุคใหม่

 

จากข้อมูลของโรคภัยใกล้ตัวของผู้หญิงที่ไม่ควรมองข้ามดังกล่าว จะเห็นได้เลยว่าอาการของโรคท็อปฮิตของผู้หญิงทั้งสามนี้ ถ้าปล่อยไว้ย่อมมีผลต่อคุณภาพชีวิตทั้งในระยะสั้นและระยะยาว แถมอาจลุกลามต่อไปได้อีก โชคดีที่ล่าสุดมีโครงการดีๆ ที่ชื่อว่า ‘Telemedicine: Empowering Women for a Better Healthcare’ โครงการนี้เป็นการผนึกกำลังร่วมกันระหว่างไบเออร์ไทย และทรู ดิจิทัล กรุ๊ป โดยทรู เฮลท์ แพลตฟอร์มดูแลสุขภาพอัจฉริยะ สนับสนุนให้ผู้หญิงพบแพทย์ออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลา

 

สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาสุขภาพอาการก่อนมีประจำเดือนจากฮอร์โมนไม่สมดุล, PCOS หรือภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ, โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือช็อกโกแลตซีสต์ รวมถึงการวางแผนคุมกำเนิด สามารถพบแพทย์เฉพาะทางแบบออนไลน์ ‘Women’s Hormones Clinic’ ผ่านแอปพลิเคชัน MorDee (หมอดี) พร้อมจัดส่งยาถึงบ้าน

 

จินอา ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด และผู้จัดการทั่วไปกลุ่มธุรกิจฟาร์มาซูติคอล เปิดเผยว่า ไบเออร์ ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านเวชภัณฑ์ปรับฮอร์โมนและคุมกำเนิดเพื่อผู้หญิงจากประเทศเยอรมนี เล็งเห็นความสำคัญในการสนับสนุนให้ผู้หญิงมีความรู้ ความเข้าใจ และตระหนักถึงโรคที่เป็นภัยใกล้ตัวผู้หญิง โดยเฉพาะโรคหรืออาการที่เกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมน ตลอดจนสามารถดูแลสุขภาพตัวเองได้ทุกที่ ทุกเวลา และเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีมาตรฐานได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น จึงร่วมมือกับกลุ่มทรูริเริ่มโครงการ Telemedicine: Empowering Women for a Better Healthcare สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคของผู้หญิงให้แพร่หลาย และสนับสนุนให้ผู้หญิงพบแพทย์เฉพาะทางออนไลน์ได้ทุกที่ รับคำปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทางในการดูแลตัวเอง เช่น ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS), อาการก่อนมีประจำเดือน และการใช้ยาฮอร์โมนคุมกำเนิดอย่างถูกวิธี รวมถึงรักษาอาการเจ็บป่วยจากโรคดังกล่าวข้างต้นได้อย่างทันท่วงที ลดภาระการเดินทาง รับยาได้ที่บ้าน และห่างไกลจากโรคโควิด ตอบโจทย์ผู้หญิงยุคใหม่ในการใช้ชีวิตแบบ New Normal

 

จินอา ลี

กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด

และผู้จัดการทั่วไปกลุ่มธุรกิจฟาร์มาซูติคอล

 

“ปัจจุบันผู้หญิงรับหน้าที่หลายบทบาท ทั้งการทำงานนอกบ้านและการทำงานในบ้าน อีกทั้งยังต้องดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ของสมาชิกในครอบครัว จนบางครั้งอาจละเลยหรือไม่มีเวลาดูแลสุขภาพตัวเอง นอกจากนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดยังคงทำให้มีความกังวลเรื่องความปลอดภัยที่จะต้องเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ทำให้ปัญหาสุขภาพของผู้หญิงไม่ได้รับการดูแลและรับคำวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างทันท่วงที ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาวได้” จินอากล่าว

 

 

ด้าน ณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ทรู ดิจิทัล พัฒนา ‘ทรู เฮลท์’ แพลตฟอร์มดูแลสุขภาพอัจฉริยะอย่างต่อเนื่อง พร้อมต่อยอดฟังก์ชันบนแอป MorDee โดยร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำในวงการสาธารณสุข ยกระดับบริการ Telemedicine ให้ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพยุคใหม่แบบครบวงจร ทั้งทีมแพทย์เฉพาะทางและสาขาของโรคที่ครอบคลุมมากขึ้น บริการส่งยาถึงบ้าน และเคลมประกันผ่านบริษัทประกันต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาจำนวนผู้ใช้บริการปรึกษาแพทย์ในคลินิกสุขภาพผู้หญิงมีสถิติสูงติดอันดับท็อป 3 ของผู้ใช้แอป MorDee ทั้งหมด ทรู ดิจิทัล จึงร่วมมือกับไบเออร์ ผู้นำธุรกิจด้านเภสัชกรรมที่เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลสุขภาพผู้หญิงและยาฮอร์โมน เพิ่มโอกาสให้ผู้หญิงสามารถเข้าถึงแพทย์เฉพาะทางด้านสุขภาพผู้หญิงได้สะดวก รวดเร็ว ต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จัดทำโครงการ Telemedicine: Empowering Women for a Better Healthcare พร้อมเปิด Women’s Hormones Clinic บนแอป MorDee เน้นให้ความรู้ สร้างความเข้าใจ และให้คำปรึกษาในการดูแลรักษาโรคต่างๆ ที่อาจเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนเพศหญิงโดยเฉพาะ ลดความเสี่ยงและอันตรายจากการลุกลามของโรค โดยสามารถนัดหมายพบแพทย์ออนไลน์ในวันและเวลาที่สะดวก เลือกปรึกษาได้ทั้งการโทร แชท และวิดีโอคอล พร้อมบริการส่งยาตามที่แพทย์สั่งถึงบ้าน โดยไม่ต้องเดินทางและไม่ต้องรอคิวที่โรงพยาบาล ช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังสามารถเคลมประกันสุขภาพได้โดยไม่ต้องสำรองจ่ายอีกด้วย รวมถึงมั่นใจว่าโครงการนี้จะสร้างความตระหนักและสนับสนุนให้ผู้หญิงยุคใหม่ใส่ใจดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น ควบคู่กับการป้องกันและรักษาโรคต่างๆ อย่างทันท่วงที เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นของผู้หญิงไทย

 

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง Women’s Hormones Clinic ผ่านแอป MorDee สามารถรับคำปรึกษาจากแพทย์ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย จำกัดจำนวน 200 ท่านแรกเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม – 31 ธันวาคม 2565 โดยกรอกโค้ด ‘WOMEN01’ (สำหรับการปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาฮอร์โมนในเพศหญิง) หรือโค้ด ‘WOMEN02’ (สำหรับการปรึกษาเกี่ยวกับโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่) ในขั้นตอนชำระเงิน

 

COR-UN-WHC-TH-0012-1 (08/2022)