×

จัดกลุ่มสรุปผลงาน Winner และ Loser ในฐานะผู้นำบริษัทเทคโนโลยีแห่งปี 2023

04.01.2024
  • LOADING...
บริษัทเทคโนโลยี

มีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นกับแวดวงธุรกิจเทคโนโลยีในปี 2023 โดยเฉพาะกับตำแหน่งผู้นำองค์กรที่บางคนสามารถรับมือกับโอกาสที่เข้ามาและความท้าทายที่เกิดขึ้นได้ดี ในขณะที่บางคนก็ไม่เป็นเช่นนั้น

 

Business Insider ได้รวบรวมเรื่องราวและผลงานที่เกิดขึ้นของปีที่ผ่านมากับการเป็น ‘ผู้นำ’ ของบริษัทเทคโนโลยี เพื่อแบ่งกลุ่มว่าใครเป็นผู้ชนะและใครเป็นผู้แพ้ในการบริหารงานของพวกเขา

 

Elon Musk: ผู้แพ้

 

ปีนี้เป็นปีที่ค่อนข้างหนักหน่วงสำหรับ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) โดยเหตุการณ์สำคัญๆ ที่ทำให้เขาตกเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์คือ โพสต์ของเขาใน X (Twitter) เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ระบุว่า “คุณได้พูดความจริงที่ถูกต้องแล้ว” ซึ่งเป็นการตอบกลับโพสต์ก่อนหน้าที่กล่าวว่า ชาวยิวมีแนวความคิดต่อต้านคนผิวขาว ทำให้ อีลอน มัสก์ ถูกวิจารณ์ในทางลบหนักมาก และเป็นผลให้บริษัทใหญ่หลายราย อย่างเช่น Apple, Walt Disney, IBM และอื่นๆ เลือกที่จะถอนตัวจากการทำโฆษณาในแพลตฟอร์ม

 

ต่อมาในเดือนเดียวกัน เขายังได้ซ้ำเติมกับปัญหาที่เกิดขึ้นให้แย่ลง โดยการระบุต่อว่า ณ งานสัมมนา Dealbook Summit กับบริษัทที่ถอนโฆษณาว่า “ไปตายเสีย” 

 

สำหรับ X บริษัทที่เขาเข้าซื้อเมื่อครั้งยังเป็น Twitter เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2022 ด้วยเงินจำนวน 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็มีมูลค่าเหลือเพียง 1 ใน 3 ของเงินจำนวนนั้นในปัจจุบันจากการประเมินโดยบริษัทจัดการสินทรัพย์ระดับโลก Fidelity 

 

แต่เรื่องที่น่าเศร้าเสียยิ่งกว่าก็คือ เขาเองก็ยังไม่สามารถเกลี้ยกล่อมให้ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก มาขึ้นสังเวียนมวยกับเขาได้สำเร็จ

 

 

 

Sam Altman: ผู้ชนะ

 

ถึงแม้จะมีมติเอกฉันท์จากบอร์ดบริหารชุดเดิมเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนให้ แซม อัลต์แมน (Sam Altman) ต้องออกจากตำแหน่งซีอีโอของ OpenAI แต่ทว่าการกระทำนั้นก็อยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ เพราะแรงกดดันจากพนักงานเกินกว่า 500 คนที่ขู่จะลาออกหากซีอีโอคนเดิมไม่กลับมาดำรงตำแหน่งอย่างที่เคยเป็น

 

การตัดสินใจของพนักงานกลุ่มดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่เขามีต่อบริษัท จนสามารถกลับมาอยู่จุดเดิมได้อย่าง ‘ผู้ชนะ’

 

 

 

Satya Nadella: ผู้ชนะ

 

การจับมือร่วมงานระหว่าง Microsoft กับ OpenAI ดำเนินไปได้ด้วยดีและเริ่มแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับ Microsoft โดยเฉพาะกับตัว Copilot ที่เป็นแชตบอตซึ่งใช้โมเดลภาษา GPT-4 ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ใช้งาน

 

นอกจากนี้ Microsoft ยังได้ที่นั่งในบอร์ดบริหารของ OpenAI แบบประเภท Non-Voting Board ที่แม้จะไม่มีสิทธิ์ในการออกเสียง แต่ก็สามารถรับรู้ความเคลื่อนไหวของบริษัทได้ก่อนใคร

 

Sam Bankman-Fried (SBF): ผู้แพ้

 

สำหรับคนคนนี้ วีรกรรมที่เขาสร้างไว้กับโลกคริปโตเคอร์เรนซีนั้นนับเป็นการฉ้อโกงที่มีมูลค่าความเสียหายมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเงิน ทำให้ในตอนนี้ผลของการกระทำด้วยฝีมือของตัว แซม แบงก์แมน ฟรายด์ (Sam Bankman-Fried) หรือ SBF เองย้อนกลับมาเล่นงานเขาแล้ว

 

เขาปิดปี 2023 ด้วยการถูกตัดสินจำคุกกว่า 115 ปี โดยส่วนหนึ่งมาจากการถูกโบ้ยความผิดจากปากอดีตแฟนสาวของเขาเอง และในสถานะล่าสุด Business Insider รายงานว่า แซม แบงก์แมน ฟรายด์ จำต้องใช้ปลากระป๋องเพื่อแลกกับการตัดผมภายในเรือนจำ

 

 

Mark Zuckerberg: ผู้ชนะ

 

แม้ว่าเขาจะไม่มีโอกาสขึ้นชกกับ อีลอน มัสก์ แต่ทักษะการต่อสู้ของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ก็พัฒนาขึ้นหลังจากที่เขาได้รับการฝึกจากนักสู้ MMA

 

ในเชิงของธุรกิจ การเปิดตัว Threads ก็ได้รับความนิยมค่อนข้างดีในช่วงแรกที่แอปพลิเคชันสามารถดึงดูดผู้ใช้งานจำนวน 100 ล้านรายเข้ามาสู่แพลตฟอร์มได้ในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ 

 

อย่างไรก็ตาม ปี 2023 ก็ไม่ได้สมบูรณ์มากเท่าไรสำหรับ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เพราะในส่วนของเมตาเวิร์สก็ยังเป็นขาธุรกิจที่สูญเสียเงินจำนวนมาก เขายังต้องเจอกับแรงกดดันจากพนักงานที่เห็นต่างกับนโยบายของบริษัท และการฟ้องร้องว่าแพลตฟอร์ม Facebook และ Instagram ทำร้ายจิตใจของเยาวชน

 

หากแต่ถ้าจะเทียบกับปีก่อนๆ ปี 2023 ก็ถือว่าเป็นการเดินทางที่มีอุปสรรคค่อนข้างน้อยแล้วสำหรับ Meta

 

Emmett Shear: ผู้แพ้

 

อีกหนึ่งบุคคลที่เป็นผู้แพ้สำหรับการเป็นผู้นำบริษัทเทคในปีนี้คือ เอ็มเมตต์ เชียร์ (Emmett Shear) เพราะเขาใช้เวลาในการดำรงตำแหน่งซีอีโอของ OpenAI ได้นานเพียงแค่ 55 ชั่วโมง กับอีก 32 นาที ก่อนที่ แซม อัลต์แมน จะกลับคืนสู่ตำแหน่งตามเดิม

 

ช่วงเวลาอันแสนสั้นนี้ทำให้ Business Insider ถึงกับทำข่าว 5 เหตุการณ์ที่อยู่ได้นานกว่าการดำรงตำแหน่งของ เอ็มเมตต์ เชียร์ โดยหนึ่งในนั้นก็คือการต่อคิวซื้อ iPhone ตัวแรกเมื่อปี 2007 ซึ่งมีชายคนหนึ่งเข้าแถวรอถึง 110 ชั่วโมง

 

Mira Murati: ผู้ชนะ

 

โดยทั่วไปแล้วบุคคลที่โดนแต่งตั้งและถูกปลดจากตำแหน่งซีอีโอย้อนกลับลงมาสู่ตำแหน่งเดิมภายในเวลา 3 วัน อาจจะไม่สามารถถูกพูดถึงได้เต็มปากว่าคือ ‘ผู้ชนะ’ แต่ปี 2023 ไม่ใช่ช่วงเวลาธรรมดาของ มิรา มูราติ (Mira Murati)

 

ก่อนหน้าที่เธอจะถูกแต่งตั้งให้เป็นซีอีโอของ OpenAI เพราะการจากไปของ แซม อัลต์แมน เธอเป็นซีทีโอ หรือ Chief Technology Officer ของบริษัทที่ประสบความสำเร็จและกลายเป็นที่รู้จักในแวดวงปัญญาประดิษฐ์ (AI) จนทำให้บิ๊กเทคอย่าง Google และ Meta ต้องวิ่งเต้น

 

นอกจากนี้มิรายังเป็นส่วนสำคัญที่ประคับประคอง OpenAI ในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายและเป็นส่วนหนึ่งของการนำ แซม อัลต์แมน กลับมา

 

Evan Spiegel: ผู้แพ้

 

กระแสดราม่าที่เกิดขึ้นกับ X กลายเป็นสิ่งที่บดบังความยากลำบากของ Snap บริษัทแม่ของ Snapchat 

 

ครั้งหนึ่ง อีวาน สปีเกล (Evan Spiegel) เคยเป็นหนึ่งในเศรษฐีที่มีอายุน้อยที่สุดในโลก แต่ปี 2023 รายได้จากโฆษณาของบริษัทลดต่ำลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ถึงแม้ว่าแอปพลิเคชันจะได้รับความนิยมจากกลุ่มวัยรุ่น และด้วยความที่ตัวแอปก็ได้กระโดดเข้ามาเล่นกับเทคโนโลยี AI ผ่านฟีเจอร์ My AI ตั้งแต่เดือนเมษายนแล้ว

 

แต่สำหรับปีนี้ อีวาน สปีเกล ก็ตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ใหม่ ด้วยการผลักดันให้พนักงานของพวกเขาทำงานหนักมากขึ้นอีก

 

Jensen Huang: ผู้ชนะ

 

ซีอีโอของ NVIDIA คนนี้มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นในปี 2023 ถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเม็ดเงินที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างมหาศาลนี้มีต้นตอมาจากราคาหุ้นที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ เพราะอุตสาหกรรม AI ที่เฟื่องฟูทั้งในภาคธุรกิจและสาธารณะ

 

ชิปจาก NVIDIA เป็นสินค้าที่วงการเทคโนโลยีต้องการมากที่สุดในเวลานี้ โดยบริษัทจำนวนมากเข้าคิวรอซื้อชิป NVIDIA H100 ที่มีความสำคัญต่อการใช้ฝึกโมเดล AI อย่างมาก

 

ด้วยความต้องการในตลาดที่มีมากในระดับนี้ เจนเซน หวง (Jensen Huang) กลายมาเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลของวงการไปแล้ว

 

 

Masayoshi Son: ผู้แพ้

 

ในปี 2019 ผู้ก่อตั้ง SoftBank คนนี้ได้เดิมพันลงทุนกับ WeWork สตาร์ทอัพที่ครั้งหนึ่งเคยมาแรงที่สุด ก่อนที่วิกฤตการณ์โควิดจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ เนื่องจากไม่มีผู้เช่าพื้นที่ จนในที่สุด WeWork ก็จำต้องยอมยื่นล้มละลาย ถึงแม้ SoftBank จะพยายามช่วยอัดเงินจำนวน 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐแล้วก็ตาม

 

อย่างไรก็ดี การล้มของ WeWork ก็ไม่สามารถหยุด มาซาโยชิ ซัน (Masayoshi Son) ให้ไม่ก้าวเข้าไปสู่เทรนด์ใหญ่อันต่อไปได้ เพราะล่าสุดเขาโยกเงินกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อนำไปลงทุนใน AI โดยเขามีแผนที่จะร่วมลงทุนเพื่อสนับสนุนการสร้างอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ทำงานด้วยปัญญาประดิษฐ์ โดยหัวเรือของโปรเจกต์คือ แซม อัลต์แมน และ โจนี ไอฟ์ (Jony Ive) ที่กำลังอยู่ในช่วงหารือ แต่ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ยังไม่มีความชัดเจน

 

อาจจะเป็นไปได้ว่า มาซาโยชิ ซัน คงมีดวงมากกว่านี้กับการลงทุนใหม่ใน AI ของเขาในปี 2024

 

 

ภาพประกอบ: พรวลี จ้วงพุฒซา

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising