ตลาดชานมไข่มุกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากงานสัมมนา Cartons of Multisensory Innovation ประจำปี 2024ระบุว่ามูลค่าตลาดรวมในอาเซียนพุ่งสูงถึง 3,660 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 128,100 ล้านบาท อินโดนีเซียครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดที่ 46% ขณะที่ประเทศไทยตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยมูลค่าตลาดกว่า 26,250 ล้านบาท สะท้อนถึงกำลังซื้อที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมนี้
สิ่งที่น่าสนใจในเชิงสถิติคือพฤติกรรมการบริโภคของคนไทยที่ครองตำแหน่ง ‘นักดื่มชานมไข่มุกตัวยง’ อันดับ 1 ของอาเซียน ด้วยอัตราการบริโภคเฉลี่ยสูงถึง 6 แก้วต่อเดือน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคที่อยู่ที่ 3 แก้วต่อเดือนถึงเท่าตัว ทิ้งห่างประเทศเพื่อนบ้านอย่างฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และเวียดนาม ทำให้ไทยกลายเป็นสมรภูมิการค้าที่สำคัญ
ท่ามกลางโอกาสนี้ ‘Tealive’ แบรนด์ชาจากประเทศมาเลเซีย ภายใต้การบริหารของ Loob Holding Sdn. Bhd. จึงเดินหน้าขยายธุรกิจสู่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ผ่านความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ บริษัท เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ RD เพื่อรุกตลาดเครื่องดื่มชาในไทยอย่างเต็มรูปแบบ
แอนดรูว์ เจมส์ นอร์ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงมากสำหรับธุรกิจเครื่องดื่มชา ด้วยพฤติกรรมการบริโภคของคนไทยที่ดื่มชานมไข่มุกมากที่สุดในอาเซียน ประกอบกับขนาดตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาค จึงเป็นโอกาสทองที่เราไม่อาจมองข้าม การนำ Tealive เข้ามาในประเทศไทยครั้งนี้ เราตั้งใจที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ของการดื่มชาคุณภาพในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้”
สำหรับ Tealive ปัจจุบันมีเครือข่ายมากกว่า 1,000 สาขาทั่วโลก โดยกลยุทธ์หลักในการรุกตลาดคือการนำเสนอจุดแข็งด้าน ‘คุณภาพระดับพรีเมียม’ ในราคาที่จับต้องได้ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการดื่มชาได้ทุกวัน โดยมีการบริหารจัดการวัตถุดิบนำเข้าจากไต้หวันและการเก็บรักษาแบบควบคุมอุณหภูมิเพื่อคงมาตรฐานรสชาติ
ในด้านผลิตภัณฑ์ แบรนด์ได้นำเสนอเมนูซิกเนเจอร์ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วทั่วเอเชียอย่าง ‘แบงแบง ชานม ไข่มุกอุ่นบราวน์ชูการ์’ รวมถึงการนำเสนอชาต้าหงเผาจากจีน เข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ในตลาด เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งและดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย
ปัจจุบัน Tealive Thailand ได้เริ่มเดินหน้าเปิดให้บริการแล้วใน 3 สาขาแรก บนทำเลศักยภาพ ได้แก่ เมเจอร์ รัชโยธิน, โลตัส รัตนาธิเบศร์ และโลตัส สุขุมวิท 50 โดยทางบริษัทมีแผนที่จะเร่งขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศในอนาคต เพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจเครื่องดื่มชาของไทยที่มีการแข่งขันสูง





