วันนี้ (6 กุมภาพันธ์) กฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวถึงอาการของ ตะวัน-ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ แบม-อรวรรณ ภู่พงษ์ สองนักกิจกรรมที่ประท้วงกระบวนการยุติธรรมด้วยการอดอาหาร
โดยกฤษฎางค์ระบุว่า ทั้งสองคนมีอาการวิงเวียนศีรษะตลอดเวลา และขอนอนขณะปรึกษาเรื่องคดีความกัน ซึ่งทั้งสองคนยังคงปฏิเสธการรับยา น้ำเกลือ และวิตามินต่างๆ ตนคาดว่าคงเหลือเวลาอีกไม่มาก เมื่อตอนเช้าตนได้เข้าพบกับผู้บริหารศาลอาญาขอความกรุณาให้พิจารณาข้อเรียกร้องของทั้งสองคนที่ขอให้ดำเนินการปล่อยตัวกลุ่มทะลุแก๊ซ จำนวน 8 ราย
กฤษฎางค์กล่าวต่อไปว่า หลายคนที่ติดคุกเป็นนักศึกษา ติดอยู่ไม่ต่ำกว่า 3 เดือน คนที่สูงสุดติดอยู่กว่า 300 วันหรือ 9 เดือน โดยไม่ได้รับการประกันตัวหลังการยื่นขอประกันตัวมาแล้ว คนเหล่านี้โดนกล่าวหาในโทษของการมีระเบิดปิงปองและระเบิดประทัดยักษ์ ซึ่งพวกเขาได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานั้นมาโดยตลอด ขณะนี้ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าคดีดังกล่าวนั้นจะดำเนินการพิจารณาคดีเมื่อใด และไม่ทราบว่าพวกเขาจะต้องติดคุกไปอีกนานแค่ไหน
กฤษฎางค์กล่าวด้วยว่า ตนอยากให้ทั้งทานตะวันและอรวรรณเข้ารับการรักษาตัว เพราะอาจจะเกิดการสูญเสีย ไม่ชีวิตก็อวัยวะสำคัญบางส่วน แต่ทานตะวันได้ตอบว่า เธอยังอยู่ไหว ถ้าไม่ไหวเธอจะหลับไปเลย ยืนยันที่จะรอว่าศาลอาญาจะให้ประกันตัวคนกลุ่มนี้หรือไม่ และจะไม่รับการช่วยเหลือใดๆ ซึ่งตามการคาดการณ์ของกฤษฎางค์ คาดว่าศาลอาญาจะมีคำสั่งในช่วงเย็นของวันนี้
“ทานตะวันยังบอกด้วยว่าสิ่งที่เธอเรียกร้อง หากเธอพ่ายแพ้หรือต้องสูญเสีย อยากให้ทุกคนต่อสู้ให้ได้สิ่งที่เธอเสนอได้หรือไม่ หากศาลให้การประกันตัวคนเหล่านั้นคงเป็นทางออกที่ดีสำหรับทุกฝ่าย” กฤษฎางค์กล่าว
ทั้งนี้ กฤษฎางค์ยืนยันกับอธิบดีศาลอาญาว่าการกระทำของทั้งสองคนนั้นไม่ได้เป็นการกดดันศาล แต่ทรมานตัวเองเพื่อเรียกร้องให้สังคม ศาล อัยการ และตำรวจ เห็นว่าข้อเรียกร้องของทั้งสองคนนั้นเป็นเรื่องที่จริงจัง ไม่ได้ยื่นจดหมายเพียงฉบับเดียวแล้วจบ แต่ทั้งสองคนเอาชีวิตเป็นเดิมพัน หากข้อเรียกร้องของทั้งสองคนได้รับการอนุญาตในการปล่อยตัวกลุ่มทะลุแก๊ซชั่วคราว ทั้งสองคนก็จะปฏิบัติตามที่รับปากกับศาลและสังคมไว้
โดยกฤษฎางค์ได้อ้างคำกล่าวของทานตะวันว่า
“นี่ไม่ใช่ชัยชนะเหนือศาลหรือเป็นการบีบบังคับศาล อยากให้ผู้พิพากษาเข้าใจตรงนี้ แต่เป็นเรื่องของการที่อยากให้สังคมเปลี่ยนแปลงไป มีหลักเกณฑ์ มีกติกาที่คุ้มครองสิทธิของทุกคน”
กฤษฎางค์ยังได้กล่าวถึงความรู้สึกของครอบครัวทั้งสองคนไว้ด้วยว่า ตนเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อแม่ เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่บทละครที่เรียกร้องให้คนเห็นใจ พ่อแม่คงไม่ต้องการให้ลูกอยู่ในสภาพเช่นนี้
ด้าน ธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตแกนนำคนเสื้อแดง ได้เดินทางมาเยี่ยมอาการของทานตะวันและอรวรรณที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ โดยเธอเห็นว่าสถานการณ์ตอนนี้เข้าขั้นวิกฤตแล้ว จึงมาให้กำลังใจในฐานะนักต่อสู้ที่ผ่านการต่อสู้มา 50 ปี
ธิดากล่าวต่อไปว่า เธอรู้สึกรักและเป็นห่วงลูกหลาน จึงอยากให้พวกเขาได้ต่อสู้ต่อไปข้างหน้า อย่างไรก็ตาม เธออยากขอชีวิตของทั้งสองคนไว้ไม่ได้เพื่อตัวเขา หรือครอบครัว แต่เพื่อประชาชนคนไทยทั้งปัจจุบันและอนาคต เพราะคุณสมบัติของทั้งสองคนคือคุณสมบัติของผู้นำที่ยิ่งใหญ่ในการต่อสู้ต่อไป
พร้อมทั้งได้ฝากจดหมายให้กำลังใจเยาวชนทั้งสองผ่านไปทางทนายความ โดยที่ใจความสำคัญของจดหมายคือ เธอรักและเป็นห่วงทั้งสองคนอย่างมาก นับถือวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่ เธอเข้าใจกับการต่อสู้ของทั้งสองคน เธอขอเป็นตัวแทนคนเสื้อแดงและผู้รักประชาธิปไตย ให้ทั้งสองคนมีชีวิตต่อไปเพื่อเป็นกำลังสำคัญของการต่อสู้เพื่อประชาชน