TASTE: ‘MASON and friends’ คาเฟ่ย่านลาดกระบังที่รวมความกลมกล่อมทั้งดีไซน์ กาแฟ และขนมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

MASON and friends คือร้านกาแฟขนาดกำลังดีที่ตั้งอยู่ถนนลาดกระบัง เมื่อผลักประตูร้านเข้าไปจะพบกับกลิ่นหอมของกาแฟ พร้อมกับบรรยากาศร้านที่อบอุ่นและผ่อนคลายราวกับกำลังเดินเข้าไปในบ้านเพื่อนที่ชื่นชอบการตกแต่งภายในสไตล์สแกนดิเนเวียน เราจะได้สัมผัสกับความคลาสสิกของเหล่าเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ (ที่บางชิ้นก็ขายด้วย) โคมไฟสุดเก๋ อุปกรณ์ต่างๆ ภายในร้านที่คัดสรรมาอย่างใส่ใจ รวมถึง Vibes ของดนตรีที่ถูกเปิดคลอเบาๆ ทำให้คาเฟ่แห่งนี้สามารถนั่งชิล เมาท์กับเพื่อน หรือนั่งทำงานไปยาวๆ ได้สบาย

หนึ่ง-อัคร สิริพลังคานนท์ และ บาส-สริญา กัลยาศิริ เจ้าของร้าน MASON and friends มีความตั้งใจที่จะสร้างร้านแห่งนี้ขึ้นมาผ่านแนวคิด Where Coffee Meets Design ที่กาแฟต้องดื่มได้ทุกวัน และดื่มได้ง่ายอย่างสบายใจ ท่ามกลาง Vibes ดีๆ ที่จะแค่มานั่งพักผ่อนจิบกาแฟ คุยงาน หรือนั่งเมาท์กับเพื่อนก็จะได้รับความสุขกลับไปเสมอ

“เราตั้งใจและอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ดำเนินธุรกิจโดยไม่สร้างขยะให้กับโลกไปมากกว่านี้ อยากให้ลูกค้าได้กลับมาดื่มกาแฟ ทานขนมทุกๆ วัน ไปนานๆ นอกจากกาแฟและเบเกอรีที่เราใส่ใจคัดสรรให้ลูกค้าแล้ว เรายังคงให้ความสำคัญเรื่องการลดการสร้างขยะ Single Use ด้วยเหตุนี้เราจึงใช้หลอดอ้อยที่สามารถ Reuse ได้ หากนำไปฝังดินจะย่อยสลายใน 6 เดือน

“ที่ MASON and friends หากลูกค้านั่งทานที่ร้าน เราจะเสิร์ฟเป็นแก้วและจานทั้งหมด ส่วนการ Take Away ก็สามารถนำแก้ว ภาชนะต่างๆ มาเองได้ และหากต้องการเป็นจานพร้อมทานเราก็เสิร์ฟเป็นจานกาบหมากและส้อมไม้ ซึ่งย่อยสลายได้ 100% ทั้งหมด โดยที่ไม่สร้าง Microplastic เช่นกัน และที่ผ่านมาทางร้านก็ได้รับความร่วมมือจากลูกค้าด้วยดีเสมอมา MASON and friends จึงรู้สึกขอบคุณลูกค้าทุกคนที่เข้าใจและช่วยกันคนละไม้คนละมือมาโดยตลอด ถือเป็นหนึ่งวิธีเล็กๆ ที่สามารถช่วยโลกของเราไปด้วยกัน”

กาแฟของที่นี่ใช้เมล็ดกาแฟที่หลากหลาย มีทั้งเมล็ดกาแฟพรีเมียมที่คัดสรรและ Recommend ให้ลูกค้าในแต่ละวันแบบไม่ซ้ำกัน ทำให้สามารถแวะเวียนมาดื่มด่ำความสดชื่นแบบ Daily Brew ได้ทุกวัน ความสนุกคือได้ชิม Taste Note ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทำให้การรอคอยรสชาติของแต่ละครั้งที่แวะเวียนมาเต็มไปด้วยฟีลลิ่งของการผจญภัยเบาๆ นอกจาก Daily Brew แล้วยังมีเมนูกาแฟ Dirty ที่ชวนให้สัมผัสกับประสบการณ์จิบความหอมเข้มของ Coffee Oil ในจิบแรก และจิบสองจะได้รับรู้ถึงความกลมกล่อมละมุนของกาแฟที่ลอยผสมแยกชั้นกับนม (เมนูนี้มีต้นกำเนิดจากซิกเนเจอร์เมนูของร้านกาแฟชื่อดังอย่าง Bear Pond Espresso ประจำย่านชิโมะคิตาซาวะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น) หรือถ้าใครชอบแบบ Latte, Decaf, Flat White หรือ Affogato ที่หอมกาแฟเข้มข้นไหลเยิ้มดุจลาวาบนไอศกรีมแสนอร่อย ก็มีให้เลือกกันตามใจชอบแบบสุดฟิน (85-150 บาท หากนำแก้วมาเองมีส่วนลด 5 บาท)

สำหรับใครที่ติดใจรสชาติกาแฟของร้าน MASON and friends เขาก็มี Steeped Coffee Bag Box Set ให้ลูกค้าได้พาน้องกลับบ้าน เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลามาที่ร้าน หรือบางทีจัดทริปเดินทางไปตั้งแคมป์ต่างจังหวัดแล้วอยากดื่มด่ำกับรสชาติเดียวกับที่ร้าน กว่าจะมาเป็น Steeped Coffee Bag Box Set เจ้าของร้านบอกว่าคิดแล้วคิดอีกจนเกิดเป็นโปรเจกต์ MASON Coffee Bag ออกมา ซึ่งเจ้าของดีไซน์เองทุกอย่างตั้งแต่เลือกเมล็ด ดีไซน์กล่องและถุงทั้ง 3 แบบ นี่ไม่ใช่ Drip Bag แต่เป็น Steeped Coffee เหมือนถุงชา ที่ชื่อก็ตรงตัวมากๆ คือแช่ถุงกาแฟลงในน้ำร้อนเลยไม่ต้องดริปให้เมื่อย ก็จะได้สัมผัสกับรสชาติที่ออกแบบมาแล้วว่าดื่มได้ทันใจทุกที่ทุกเวลา มี 3 โทนให้เลือกคือ M-Mellow เน้นกลมกล่อม, A-Aroma เน้นความหอม และ F-Flavor เน้นรสชาติกาแฟที่จัดจ้าน (1 กล่องมี 6 ถุง 465 บาท)

ใครเป็นสายเบเกอรีบอกเลยว่าจะต้องมีความสุดๆ เมื่อได้ตักขนมจากร้าน MASON and friends เข้าปาก เพราะรสชาติดีทุกอย่างจริงๆ เริ่มจาก Sunny Bun ขนมปังกระเทียมครีมชีสที่สร้างมาสำหรับ Garlic Lover ขนานแท้ สัมผัสแรกมีความหนึบนุ่ม หอมกลิ่นกระเทียม และ Parsley สด ทำให้ทุกคำอร่อย และมาในขนาดกำลังดี (159 บาท) และยังมี Milky Yuzu Toast เป็นซิกเนเจอร์โทสต์ที่นุ่มหนึบ หอมเนยแท้ จุ่มความสดชื่นอีกชั้นจากซอสส้มยูซุโฮมเมด เป็นสูตรเฉพาะที่ทำมาแบบหวานน้อยแต่สดชื่นเกินเบอร์ เมื่อทานคู่กับแครกเกอร์แล้วจะฟินมาก (189 บาท/เซ็ต)

สำหรับซาวโดว์ตัวนี้เลือกทำแบบ Hybrid Sourdough คืออบให้เปลือกบางเพื่อให้ลูกค้าทานง่ายขึ้น แต่ยังคงความหนึบหนับของเนื้อในแบบซาวโดว์เอาไว้อย่างครบถ้วน โดยมีให้ลูกค้าเลือกทาน 3 แบบ คือ Original (320 บาท) Country (Whole Wheat) 340 บาท และ Double Choco (390 บาท)