วันนี้ (28 เมษายน) ที่ห้องประชุมอมรวิวัฒน์ ชั้น 2 อาคารอเนกประสงค์ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ท. จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) พร้อมด้วยทีมสืบสวนสอบสวนคดีการเสียชีวิตของ ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ได้จัดแถลงเพื่อชี้แจงกรณีที่สังคมตั้งข้อสงสัยถึงตัวอย่างลักษณะบาดแผลที่ตำรวจแสดงในวีดิทัศน์วันแถลงสรุปสำนวนคดีการเสียชีวิตของแตงโม เมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งที่มาบาดแผลจากรูปตัวอย่างไม่ได้เกี่ยวข้องกับบาดแผลที่เกิดจากใบพัดเรือ
พ.ต.อ. วรชาติ แสนคำ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 ในฐานะคณะผู้จัดทำวีดิทัศน์ ชี้แจงว่า ภาพที่เกิดปัญหามีการหยิบยกมาอธิบายลักษณะของบาดแผลที่มีลักษณะการโค้งเว้า โดยในวีดิทัศน์ที่แถลงข่าว ตำรวจใช้คำว่า ‘บาดแผลที่มีการโค้งเว้า ลักษณะเช่นเดียวกัน’ ซึ่งในกรณีนี้ไม่สามารถแสดงภาพบาดแผลจากศพได้ เพราะเป็นข้อจำกัดทางกฎหมาย และรอยเย็บของบาดแผลรูปตัวเอสไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้ ทีมงานจึงได้จัดทำภาพนี้เพื่อมาเปรียบเทียบให้เห็นบาดแผลโค้งเว้ารูปตัวเอสว่ามีลักษณะอย่างไร
ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถไปค้นหาบาดแผลได้จากเครื่องมือค้นหาทางอินเทอร์เน็ต เพียงใช้คีย์เวิร์ดคำว่า ‘BOAT PROPELLER WOUND’ การค้นหาจะเจอภาพลักษณะต่างๆ นอกจากนี้ชุดทำงานได้ศึกษาข้อมูลงานวิจัยจากต่างประเทศกรณีการโดนใบพัดเรือในลักษณะต่างๆ เป็นรูปขีดเฉียงรูปตัวเอส
ทั้งนี้ยอมรับว่าปัจจุบันเป็นโลกที่เปิดกว้างรับฟังข้อเท็จจริง เจ้าหน้าที่ไม่สามารถปิดบัง บิดเบือนข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานต่างๆ ได้ และทราบดีว่าปัจจุบันในโลกโซเชียลมีการตรวจสอบการทำงานของตำรวจอย่างเข้มข้น
ในกรณีนี้ตำรวจขออภัยประเด็นที่นำภาพมาใช้โดยไม่ได้อ้างอิงที่มาของภาพ ทำให้การนำเสนอไม่ครบถ้วน ทำให้ประชาชนและสื่อมวลชนเกิดความเข้าใจที่กำกวม สงสัย แต่เจตนาจริงๆ การนำภาพบาดแผลที่นำมาเปรียบเทียบ เพื่อจะนำเสนอให้เห็นลักษณะบาดแผลที่เห็นลักษณะคล้ายรูปตัวเอสเท่านั้น โดยยืนยันว่าการนำภาพมาเสนอที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ได้ทำให้สาระสำคัญของคดีเปลี่ยนไป
ขณะที่ พล.ต.ต. วสันต์ เตชะอัครเกษม ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 ระบุว่า กรณีที่นำภาพดังกล่าวขึ้นมา เพียงแค่ต้องการให้สื่อมวลชนได้เห็นว่าแผลรูปตัวเอสเป็นอย่างไร เจตนามีเท่านั้น เพราะสภาพศพต่างๆ ตำรวจไม่เคยนำมาเปิดเผยเพราะมีข้อจำกัดทางกฎหมาย ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้เป็นการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยบุคคลที่บรรยายในวีดิทัศน์เป็นบุคคลในคณะทำงานของตำรวจ จึงต้องออกมาแถลงข่าวและมาขออภัยที่ไม่ได้มีการอ้างอิงที่มาแต่แรก โดยย้ำว่าไม่ได้มีเจตนาเป็นอย่างอื่น
และที่มาของการหยิบยกรูปภาพนี้ เพราะจากการที่นำไปค้นหาข้อมูลพบว่ามีรูปภาพอยู่เป็นกลุ่มๆ ส่วนใหญ่เกิดจากใบพัดเรือ จึงขออภัยที่หยิบยกภาพนี้ขึ้นมา เพราะกลุ่มภาพอยู่ติดกัน จึงอาจจะเป็นการทำงานที่ไม่ครบถ้วน
ขณะที่ พล.ต.ท. จิรพัฒน์ยืนยันว่า กรณีดังกล่าวไม่กระทบภาพลักษณ์การทำงานของตำรวจ เพราะสาระสำคัญของคดีไม่ได้เปลี่ยนแปลง ส่วนกรณีที่มีบุคคลไปยื่นตรวจสอบจำนวนบาดแผลกับแพทยสภา มองว่าจำนวนบาดแผลบันทึกอยู่ในสำนวนการสอบสวน รายงานผลการชันสูตรพลิกศพ และวันนี้คงตอบคำถามได้ไม่มาก เพราะสำนวนอยู่ในชั้นอัยการแล้ว ไม่ได้อยู่ในชั้นสอบสวน