หลัง มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่อยู่ในอำนาจยาวนานกว่า 22 ปี สร้างประวัติศาสตร์กลับมาทวงเก้าอี้ผู้นำประเทศได้สำเร็จอีกครั้ง ด้วยการนำพรรคฝ่ายค้านอย่างปากาตัน ฮาราปัน (Pakatan Harapan: PH) คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งด้วยการกวาดที่นั่ง ส.ส. ไปถึง 122 ที่นั่ง เตรียมขึ้นแท่นผู้นำประเทศที่อายุมากที่สุดในโลกด้วยวัย 92 ปี
ขณะที่ช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวแสดงความยินดีกับนายมหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีและผู้นำแนวร่วมฝ่ายค้านของมาเลเซียไปแล้ว
ล่าสุด ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความยินดีต่อชัยชนะของ ดร.มหาเธร์ โดยระบุว่า
“ขอแสดงความยินดีจากใจจริงแก่ ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ต่อการกลับมาอย่างสง่างามอีกครั้ง พลังของประชาชนชาวมาเลเซียได้ออกเสียงอย่างชัดเจนแล้วว่าพวกเขายังคงจดจำตำนานที่ยิ่งใหญ่ และความเป็นผู้นำของท่านยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของพวกเขาไม่เสื่อมคลาย
“จากประสบการณ์ส่วนตัวของผมที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับ ดร.มหาเธร์อย่างใกล้ชิดในอดีต ผมมั่นใจว่าท่านจะนำพา ‘แนวร่วมแห่งความหวัง’ และประเทศมาเลเซียไปสู่อนาคตที่งดงาม ความคิดและวิสัยทัศน์ภายใต้การนำของท่านจะเป็นแรงผลักดันและสร้างอาเซียนให้กลับมาตื่นตัวและยิ่งใหญ่อีกครั้ง ผมเชื่อว่าชาวไทยทุกคนรู้สึกนึกคิดและเคารพ ดร.มหาเธร์ เฉกเช่นเดียวกันกับผม”
ผลการเลือกตั้งครั้งนี้นับเป็นการปราชัยของพรรคการเมืองใหญ่อย่างพรรคอัมโนและกลุ่มแนวร่วมแห่งชาติ บาริซาน เนชันแนล (Barisan Nasional: BN) ครั้งแรก หลังจากผูกขาดอำนาจในเกมการเมืองมาเลเซียมายาวนานกว่า 6 ทศวรรษ นับตั้งแต่ปี 1957 ซึ่งพรรคอดีตรัฐบาลภายใต้การนำของนายนาจิบ ราซัค กวาดที่นั่ง ส.ส. ไปได้เพียง 79 ที่นั่ง หรือราว 1 ใน 3 เท่านั้น
ลีกวนยู อดีตนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ ระหว่างปี 1959-1990 ที่ถือเป็นคู่ปรับทางการเมืองของมหาเธร์ ได้กล่าวถึงมหาเธร์ไว้ในหนังสือ จับเข่าคุย มหาเธร์ โมฮัมหมัด ที่เขียนโดย Tom Plate ว่า “เขาเป็นนายกรัฐมนตรีที่โดดเด่นของมาเลเซีย ในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 20 กว่าปี เขาได้เปลี่ยนสังคมมาเลเซียจากสังคมเกษตรที่เงียบสงบไปสู่สังคมอุตสาหกรรมที่เต็มไปด้วยพลวัต เขาให้การศึกษากับประชาชนของเขา ส่งหลายคนไปเรียนต่างประเทศและให้ทุน พวกเขาเหล่านั้นก็ช่วยกลับมาพลิกโฉมประเทศมาเลเซีย”