โลกการเงินเปลี่ยนไปแล้ว การเงินแทบจะทั้งหมดถูกยกมาไว้บนโลกดิจิทัล ทุกสิ่งที่กำหนดความมั่งคั่งและการเงินของคนหนึ่งคนหรือองค์กรหนึ่งองค์กร วางเอาไว้บนเทคโนโลยีการเงิน Financial Technology เรียกอีกชื่อที่คุ้นหูกว่าคือ “ฟินเทค (FinTech)”
ตลาดฟินเทคโตขึ้นวันแล้ววันเล่า ใคร ๆ ก็อยากจะเข้ามาสร้างเทคโนโลยีการเงินที่แก้โจทย์ให้แก่ลูกค้า หนึ่งในนั้นคือ ธาคิน จิตจานุรัก (Takin Jitjanuruk) Group CEO of Woxa Group Holding Ltd. และ Co-Founder of Woxa Corporation Ltd. ที่กระโดดเข้ามาในตลาดฟินเทคที่เป็นโอกาสสำคัญของโลกยุคใหม่ตั้งแต่อายุ 21 ปี ซึ่งทำให้เขาได้เรียนรู้และสร้างปรัชญาการต่อสู้ในโลกเทคโนโลยีการเงินในแบบของตัวเอง
บทเรียนในวัย 21 ปี ตลาดที่เร็วและสูญเสียเงินก้อนใหญ่
แม้ ธาคิน จิตจานุรัก (Takin Jitjanuruk)จะเป็นซีอีโอและผู้นำที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรม ในบริษัทผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีการเงิน แต่เส้นทางเริ่มต้นของเขาก็ไม่ง่ายเลย
“เริ่มต้นตอนอายุ 21 ปี เป็นช่วงที่เราตัดสินใจเข้าไปแข่งขันกับคู่แข่งที่อยู่ต่างประเทศ เช่น อินเดีย จีน ซึ่งตลาดทั้งสองประเทศเป็นตลาดที่เร็วมาก และมีข้อจำกัดหลายอย่างที่เรามีความรู้ไม่มากพอ ทำให้เราสูญเสียเม็ดเงินไปมหาศาลกับการพัฒนาแพลตฟอร์มที่จะเป็นศูนย์รวมนักลงทุนให้มาแลกเปลี่ยนแนวคิดกันทั่วโลก”

ธาคิน จิตจานุรัก
(Takin Jitjanuruk)
Group CEO of Woxa Group Holding Ltd.
และ Co-Founder of Woxa Corporation Ltd.
ความผิดพลาดนั้นไม่ใช่จุดจบของ ธาคิน แต่เป็น “โอกาส” และ “จุดเริ่มต้น” ในการกลับมาขบคิดถึงความต้องการตลาดจริง ๆ และเลือกกลยุทธ์ที่ถูกต้องเสียก่อน
“เรากลับมาทบทวนและศึกษาอย่างจริงจังว่า อะไรคือความต้องการของตลาดนี้ระหว่าง B2B และ B2C อะไรคือเป้าหมายที่ผู้ประกอบการจะหันมาใช้เรา โดยใช้หลักการ Pathos และทำให้เราเลือกกลุ่มเป้าหมายตลาดของเราได้สำเร็จ”
Pathos หลักการโน้มน้าวจิตใจของ อริสโตเติล
สิ่งที่ ธาคิน ได้กล่าวถึงในการเลือกกลยุทธ์เพื่อเลือกกลุ่มเป้าหมายคือคำว่า “Pathos” คำนี้คือ หลักการหนึ่งของการโน้มน้าวจิตใจของนักปรัชญาที่มีอิทธิพลไปในระดับโลกอย่าง อริสโตเติล
Pathos คือการจูงใจหรือโน้มน้าวจิตใจคนที่เน้นไปที่ “จิตใจ” ของคน ๆ นั้น ในบริบทของโลกธุรกิจ คือ การเข้าใจและมี Empathy ต่อลูกค้าของเรานั่นเอง เช่น การเชื่อมสิ่งที่เราอยากพูดเข้ากับสิ่งที่ผู้ฟังอยากฟัง
First Principle สิ่งที่ลูกค้าต้องการคืออะไร?
เมื่อกลับมาทบทวนใหม่ ผสานกับหลักคิดแบบ Pathos ทำให้ ธาคิน เกิดความคิดเป็น First Principle ว่า “อะไรคือสิ่งที่ลูกค้าของเราต้องการมากที่สุดจริง ๆ ” โดย ธาคิน และ Woxa Group เลือกจะตัดสินใจบนพื้นฐานมนุษย์
- ผู้คนเข้าไปเทรดหุ้น เพราะต้องการได้เป็นเจ้าของหุ้นบริษัทนั้น ๆ หรือการทำรายได้จากหุ้นตัวนั้น
- คนซื้อขายทองคำแท่งช่วงนี้เพราะต้องการความปลอดภัยทางทรัพย์สิน หรือต้องการทำรายได้จากราคาทองคำกันแน่
- หากเป็นผู้ประกอบการ เป้าหมายสูงสุดในการที่จะเปิด Exchange หรือ Broker พวกเขาต้องการราคาที่เข้าถึงง่าย ติดตั้งรวดเร็ว หรือพวกเขาต้องการทีม Dev ของเขาเองที่รวดเร็วและราคาถูก
First Principle คือการตกตะกอนความต้องการของลูกค้า เพื่อชี้ทิศทางและก่อร่างสร้างบริการหรือโซลูชันให้กับลูกค้าได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น “เราจะตั้งคำถามก่อนเสมอว่า อะไรคือเป้าหมายสูงสุดของความต้องการลูกค้า และเราจะทำสิ่งนั้นเพื่อตอบโจทย์ และสนใจเพียงแค่ส่วนนั้น”
เหตุผลที่ ธาคิน เลือกจะเข้ามาในตลาดฟินเทค
ปรัชญาการนำองค์กรของเราสะท้อนแนวคิดนี้อย่างชัดเจน คือ เราต้องชัดเจนเรื่อง ‘เป้าหมาย’ แต่ต้องยืดหยุ่นเรื่อง ‘วิธีการ’ เราส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ให้คนรุ่นใหม่ กล้าคิด กล้าท้าทาย เหมือนสมัยที่ยังอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย เพราะในโลกของเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้กรอบคือเชื้อเพลิงสำคัญในการสร้างนวัตกรรมที่พลิกโฉมวงการได้จริง”
“คือการมองเห็น Leverage ทางการเงินที่มาจาก ‘โลกาภิวัตน์’” นี่คือเหตุผลที่ ธาคิน เลือกเข้ามาสู้ในสมรภูมิที่เติบโตและการแย่งชิงตลาดในอุตสาหกรรมฟินเทคนี้
“เราผลิตสินค้าที่ไหนก็ได้บนโลก เรามีบุคลากรที่ไหนก็ได้บนโลก และเราสามารถส่งต่อเทคโนโลยีของเราไปยังตลาดภายนอกได้ ซึ่งการแข่งขันในยุคปัจจุบัน ลูกค้าก็ยังต้องการสินค้าดีราคาถูก ยิ่งเป็นเทคโนโลยีทางการเงินส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้งาน เช่น SaaS (Software as a Service) ยิ่งลูกค้ามาก ยิ่งมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น ขณะเดียวกัน เราคิดแบบย้อนกลับยิ่งลูกค้ามากขึ้น ค่าใช้จ่ายจะยิ่งลดลงเรื่อย ๆ ”

Democratizing Technology Cost ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อย
แข่งขันกับบริษัทขนาดใหญ่ได้อย่างเท่าเทียม
“นี่คือหัวใจของพันธกิจที่เราเรียกว่า Democratizing Technology Cost หรือ การปรับสมดุลต้นทุนเทคโนโลยี หากเราสามารถทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงเครื่องมือระดับโลกด้วยต้นทุนที่สมเหตุสมผลได้ ธุรกิจขนาดเล็กจะสามารถแข่งขันกับบริษัทขนาดใหญ่ได้อย่างเท่าเทียม”
แสดงให้เห็นแนวคิดในการมองโลกแง่บวกของ ธาคิน ที่ไม่ได้มองว่าความต้องการของตลาดที่มหาศาลจะเป็นอุปสรรคในการเติบโตของ Woxa Corporation และ Woxa Group แต่กลับเป็นโอกาสที่จะเติบโตไปพร้อม ๆ กับตลาดในอุตสาหกรรมนี้ ตลาดที่โตขึ้นจะทำให้ธุรกิจของ Woxa Group เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
วิสัยทัศน์การบริหาร: ล้มให้เร็ว ลุกให้ไว
การสร้าง Woxa Group ของธาคินนั้น มีเป้าหมายที่ใหญ่เหนือกว่าการสร้างเพียงบริษัทฟินเทคหนึ่งในตลาด ด้วยวิสัยทัศน์การเป็นฟินเทคระดับโลก “วิสัยทัศน์ของเราคือการเป็น ‘Infrastructure’ ด้านฟินเทคระดับโลก เราต้องการเป็นรากฐานที่มั่นคงและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล การจะไปถึงจุดนั้นได้เราจึงนำการบริหารแบบ Agile ที่พร้อมปรับเปลี่ยนตลอดเวลา มาใช้เป็นหลัก”
ธาคินมองว่า ตลาดอุตสาหกรรมฟินเทคมีลักษณะพิเศษคือ ต้องเร็ว ต้องกล้าลอง และต้องไม่กลัว “เมื่อคุณล้ม คุณต้องลุกให้เร็ว ความฝันต้องยิ่งใหญ่ และสิ่งที่คุณทำต้องสามารถขยายไปสู่ระดับโลกได้ สินค้าหรือบริการต้องไม่มีข้อจำกัดเรื่อง Location และถ้าเป็นไปได้ ควรสร้าง Chain ให้ครบวงจร เพื่อให้คุณมีทางเลือกและอิสระในการตัดสินใจ”
“ในฐานะ CEO ผมมุ่งเน้นการสร้างวัฒนธรรมที่ให้พนักงานเห็นความล้มเหลวเป็นข้อมูลไม่ใช่ความผิดพลาด ซึ่งทำให้เราสามารถหมุนเวียนกลยุทธ์ (Pivot) ได้อย่างรวดเร็วและตอบสนองต่อตลาดโลกได้อย่างทันท่วงที”

“ความล้มเหลวเป็นข้อมูลไม่ใช่ความผิดพลาด
ซึ่งทำให้เราสามารถหมุนเวียนกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว”
คำพูดนี้สะท้อนให้เห็นภาพการเริ่มต้นของเขา ที่แม้จะสูญเสียเงินก้อนใหญ่ไปกับการพัฒนา แต่ก็ไม่ได้เป็นสิ่งถ่วงรั้ง แต่กลับเป็นสิ่งที่เปิดภาพให้เขาเห็นจุดที่ต้องพัฒนาเพื่อไปต่อจริง ๆ ของธุรกิจ
อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นสิ่งสำคัญของธุรกิจฟินเทค นั่นคือ “ระบบ” ที่สมบูรณ์และครบวงจรจะช่วยจูงใจให้ทางเลือกของลูกค้าหันมาที่ธุรกิจของเรา และ “ไร้ข้อจำกัด” ในเรื่องของพื้นที่และสถานที่ของธุรกิจฟินเทค ทำให้สามารถพัฒนาและเติบโตได้ง่ายและรวดเร็ว
ฟินเทคไทย คือ เพชรที่รอการเจียระไน
ธาคิน จิตจานุรัก (Takin Jitjanuruk) กล่าวถึงมุมมองที่มีต่ออุตสาหกรรมฟินเทคไทยว่า บุคลากรไทยมีศักยภาพที่โดดเด่น ทั้งทักษะด้าน Coding ที่เฉียบคม ความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด และความสามารถในการปรับตัวที่รวดเร็ว เปรียบเสมือนเพชรที่พร้อมรอการเจียระไน
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของ ธาคิน มองว่า ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมฟินเทคไทยยังขาดเวทีและระบบนิเวศที่แข็งแกร่งมาสนับสนุน ประกอบกับอุตสาหกรรมฟินเทคในไทยยังเป็น Blue Ocean ที่เต็มไปด้วยโอกาสในการเติบโต ทำให้เราไม่จำเป็นต้องเดินตามใคร แต่สามารถสร้างเส้นทางที่เป็นของเราเองได้
เทรนด์ใหญ่ในอีก 5 ปีของฟินเทค
นอกจากภาพรวมของฟินเทคไทยแล้ว ธาคินยังชี้เทรนด์ใหญ่ในอีก 5 ปีข้างหน้าที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมไว้อีกด้วย ซึ่งก็คือ Hyper-Personalization และ Vertical Integration
ธาคินว่า Woxa Group จะใช้หลักคิด ‘First Principle’ เจาะลึกเป้าหมายที่แท้จริงของลูกค้า เพื่อสร้างโซลูชันเฉพาะบุคคล และใช้ ‘Vertical Integration’ สร้างเทคโนโลยี Chain ของตนเองทั้งหมดตั้งแต่ระดับภาษาโปรแกรม (เช่น C++, Go) ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพ ประสิทธิภาพ และต้นทุนได้อย่างเบ็ดเสร็จ เพื่อส่งมอบโซลูชันที่คมที่สุด และถูกที่สุดตามพันธกิจ
กลยุทธ์ที่มากกว่าผลกำไร คือ การสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย
ธาคินกล่าวว่า กลยุทธ์ของ Woxa Group ไม่ใช่การขยายในแนวนอน (Horizontal Expansion) แต่เรากำลังมุ่งเน้นที่การ เจาะลึกในแนวดิ่ง หรือ Deep Vertical Specialization ในอุตสาหกรรมฟินเทคโดยลงทุนไปใน 10 ด้านนี้
- Engineering The Future of Trading
สร้างรากฐานวิศวกรรมการซื้อขายที่รองรับปริมาณธุรกรรมระดับโลกด้วยความเร็วสูงสุด (Sub-surface development)
- Intelligent Reward Systems
พัฒนาระบบให้รางวัลอัจฉริยะ เพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมและสร้างพฤติกรรมการเงินที่ดี
- Financial Tech for Trust
สร้างระบบความปลอดภัยและความเชื่อมั่นทางการเงินระดับสูงสุด (State-of-the-Art Security) เพื่อเป็น Infrastructure ที่ทั่วโลกเชื่อมั่น
- Defence Tech Future Security
เสริมความมั่นคงทางไซเบอร์เพื่อป้องกันภัยคุกคาม และรักษาความปลอดภัยสินทรัพย์ลูกค้า
- Quantitative Edge in Algorithmic Trading
พัฒนาความสามารถด้านการเงินเชิงปริมาณ (Quantitative Finance) และอัลกอริทึมการซื้อขายขั้นสูง
- Ultimate Economic MMORPG
ใช้ Gamification และ Simulation สร้างความเข้าใจเชิงเศรษฐศาสตร์และขยายฐานลูกค้าอย่างยั่งยืน
- Superior Trading Platform
ผนวกวิศวกรรมและการเงินเชิงปริมาณ ส่งมอบแพลตฟอร์มที่รวดเร็ว ต้นทุนต่ำ ฟีเจอร์เหนือกว่า
- Expert Digital Marketing Agency
สร้างทีมการตลาดดิจิทัลเชี่ยวชาญ เพื่อบริหารจัดการการสื่อสาร ลดต้นทุน และเพิ่ม Economies of Scale
- Digital Cloud Service
สร้างโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ของเราเอง (Proprietary Cloud Infrastructure) เพื่อควบคุมต้นทุนและคุณภาพบริการ ตามปรัชญา Reverse Model
- Artificial Intelligence Automation
ขับเคลื่อน Hyper-Personalization และลดต้นทุนการดำเนินงาน (Operating Cost) เพื่อปรับสมดุลต้นทุนเทคโนโลยี
ทั้ง 10 ด้านนี้คือการลงทุนเพื่อสร้างความลึกของโครงสร้างฟินเทคในมิติต่างๆ เพื่อตอบสนองต่อพันธกิจหลัก คือ การสร้าง Tech Ecosystem ที่สมบูรณ์แบบ
“Impact สูงสุดที่ Woxa Corporation มุ่งมั่นที่จะสร้างคือ การปรับสมดุลต้นทุนเทคโนโลยี (Democratizing Technology Cost) เรากำลังพิสูจน์โมเดลย้อนกลับ (Reverse Model) ที่ท้าทายแนวคิดดั้งเดิม ซึ่งเราเชื่อว่า ยิ่งสเกลใหญ่ขึ้นเท่าไหร่ ต้นทุนต่อหน่วยยิ่งต้องถูกลงเท่านั้น”

“เป้าหมายสูงสุดคือการยกระดับผู้ประกอบการรายย่อย ให้มีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีฟินเทคระดับโลกได้ทัดเทียมกับองค์กรขนาดใหญ่ การสร้างความสมดุลนี้เป็นการยกระดับสนามการแข่งขัน ให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมและยั่งยืนมากขึ้นในระดับโลก โดยที่เทคโนโลยีของเราทำหน้าที่เป็นอาวุธสำคัญในการแข่งขัน”
ปรัชญาในการบริหารงานของ ธาคิน จิตจานุรัก (Takin Jitjanuruk)
ธุรกิจจะอยู่รอด ต้องมีปรัชญาการบริหารคือความยืดหยุ่น หรือ Resilience “เราให้ความสำคัญกับการทำงานที่มีเป้าหมายและเส้นทางการเติบโตที่ชัดเจน พร้อมสร้างองค์กรที่พนักงานรู้สึกรักและผูกพัน เราเชื่อว่าหากพนักงานรุ่นใหม่เข้าใจเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว พวกเขาจะสามารถขับเคลื่อนตนเองให้ตื่นมาทำงานได้อย่างมีพลัง”
“สิ่งสำคัญที่เราให้ความสำคัญอย่างมากคือ สภาพแวดล้อมในการทำงาน เราเชื่อว่าสภาพแวดล้อมที่คล้ายกับมหาวิทยาลัยจะช่วยสร้างความสามัคคีได้ดีที่สุดในช่วงชีวิตหนึ่ง หากเราสามารถนำแนวคิดนี้มาปรับใช้กับการทำงานได้ก็น่าจะดี ซึ่งเราก็ไม่ได้มีสูตรสำเร็จตายตัวในเรื่องนี้”

ปรัชญาการบริหาร
“ยืดหยุ่น เสริมคนรุ่นใหม่ สภาพแวดล้อม”
ความยืดหยุ่น การส่งเสริมพลังของคนรุ่นใหม่ และการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงาน 3 สิ่งนี้เปรียบเสมือนปรัชญาที่ธาคินใช้ในการบริหารองค์กรอย่าง Woxa Corporation และ Woxa Group เพื่อส่งต่อพลังนั้นไปยังลูกค้าขององค์กร และมุ่งมั่นสร้างองค์กรสู่การเป็น “แพลตฟอร์มที่เปลี่ยนชีวิตผู้คน” ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นการสร้างระบบที่ยั่งยืน ใช้งานง่าย และมีความปลอดภัยสูง ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือทางการเงินเท่านั้น ปัจจุบัน Woxa Corporation และ Woxa Group ได้เติบโตอย่างต่อเนื่องจนมีทีมงานมืออาชีพกว่า 400 คนทั่วโลก
Woxa Group ทำอะไร? มีบทบาทอย่างไรในโลกฟินเทคสมัยใหม่?
Woxa Group เป็นองค์กรฟินเทคที่มุ่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินสมัยใหม่ให้ธุรกิจเติบโตได้ในระดับสากล บริษัทมีฐานดำเนินงานทั้งในเอเชียและยุโรป พร้อมบทบาทแบบ Hybrid คือเป็นทั้งผู้พัฒนาเทคโนโลยี ผู้ลงทุน และผู้ร่วมวางกลยุทธ์ให้ธุรกิจฟินเทคและสตาร์ทอัพที่ต้องการขยายตลาดอย่างรวดเร็ว เน้นการสร้างโซลูชันที่พร้อมใช้งานทันทีและสามารถนำไปต่อยอดได้ในหลายอุตสาหกรรมการเงิน ตั้งแต่โบรกเกอร์ ตลาดซื้อขายสินทรัพย์ ไปจนถึงผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีการลงทุนรูปแบบใหม่
Woxa Corporation ในเครือ มุ่งพัฒนาชุดผลิตภัณฑ์ฟินเทคแบบครบวงจรในรูปแบบ SaaS และ White-label เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเปิดบริการด้านการเงินได้รวดเร็วขึ้น ทั้งระบบซื้อขายหุ้น ไปจนถึงแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล จุดเด่นคือความยืดหยุ่น ลูกค้าสามารถเลือกใช้แพลตฟอร์มทั้งระบบ เลือกเพียงฟีเจอร์บางส่วน หรือซื้อซอร์สโค้ดไปพัฒนาต่อเอง ช่วยลดต้นทุนและเวลาในการเข้าสู่ตลาดได้มาก
ด้วยบทบาททั้งผู้สร้างและผู้ลงทุน Woxa Group จึงทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมไทยสู่ตลาดโลก ช่วยผลักดันเทคโนโลยีการเงินจากภูมิภาคให้แข่งขันได้ในระดับสากล และสร้างโครงสร้างพื้นฐานฟินเทคที่สามารถขยายได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
รู้จัก Woxa Group เพิ่มได้ที่นี่ https://www.woxagroup.com


