ทาคาชิ มูราคามิ ออกมากล่าวผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวถึงสถานการณ์ของบริษัทผลิตงานศิลปะและจัดการศิลปินของเขาในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ที่มีชื่อว่า Kaikai Kiki กำลังเผชิญกับภาวะใกล้ล้มละลาย หลังจากถูกยกเลิกงานมากมายเนื่องจากวิกฤตโควิด-19
ศิลปินชาวญี่ปุ่นผู้เป็นเจ้าของดอกไม้สีรุ้งชื่อดังได้ออกมายอมรับถึงสถานการณ์ของบริษัทที่เขาก่อตั้ง โดยสาเหตุหลักที่ทำให้บริษัทตกอยู่ในที่นั่งลำบากมาจากภาพยนตร์แนวไซไฟเรื่อง Jellyfish Eyes ทั้งสองภาค ผลงานการสร้างโดยสตูดิโอของเขา ซึ่งภาคแรกมีกำหนดเข้าฉายในประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2013 แต่ไม่ได้ประสบความสำเร็จในเชิงธุรกิจเท่าที่ควร รวมถึงยังได้คะแนนจากเว็บไซต์ IMDb ไปเพียง 4.7/10 ส่งผลให้ภาคสองซึ่งใช้เวลาการสร้างนานถึง 9 ปีจึงต้องถูกยุติการสร้างลงในเวลาต่อมา
“เป็นเวลานานถึง 9 ปีที่ผมบากบั่น มันคือภาพยนตร์ที่ทำให้ความฝันอันอ่อนต่อโลกของผมเป็นจริง ทั้งทุนสร้างมหาศาลที่ผมทุ่มให้โปรเจกต์นี้และความดื้อรั้นแบบไม่หยุดหย่อน ส่งผลให้บริษัทของผมเผชิญกับความเครียดมากมายตลอด 9 ปีนี้ แต่ในขณะเดียวกันผมก็สามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้เพราะผมมีโปรเจกต์นี้เช่นกัน” คำกล่าวส่วนหนึ่งของเขาจากแคปชันอินสตาแกรมส่วนตัว ซึ่งไม่ได้ระบุถึงทุนสร้างของภาพยนตร์ดังกล่าว
แม้ว่าที่ผ่านมาทาคาชิจะเป็นหนึ่งในศิลปินร่วมสมัยที่ประสบความสำเร็จในแง่ธุรกิจมากที่สุดคนหนึ่งจากการร่วมงานกับแบรนด์และคนดังมากมาย ทั้ง Dior, Louis Vuitton, Comme des Garçons, Uniqlo และบิลลี อายลิช แต่จากการรายงานของเว็บไซต์ Artnet ระบุว่านอกจากวิกฤตดังกล่าว ยังมีเหตุการณ์เมื่อปีที่แล้วที่ทาคาชิมีปัญหากับแกลเลอรีที่มีชื่อว่า Blum & Poe ซึ่งเป็นนายหน้าของเขาตั้งแต่ช่วงปี 1990 ส่งผลให้ราคาและความนิยมในงานศิลปะของเขาลดลงอย่างมาก
ภาพ: Julien M. Hekimian / Getty Images
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: