ไช่อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน และ ไล่ชิงเต๋อ ว่าที่ประธานาธิบดีไต้หวันคนใหม่ จากพรรค DPP ต้อนรับคณะผู้แทนอย่างไม่เป็นทางการของสหรัฐอเมริกาที่เดินทางเข้าพบทั้งสองผู้นำของไต้หวันหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งครั้งสำคัญเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความไม่พอใจของรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่
สหรัฐฯ-ไต้หวัน ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด
คณะผู้แทนอย่างไม่เป็นทางการของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึง สตีเฟน แฮดลีย์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ และ เจมส์ สไตน์เบิร์ก อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เดินทางถึงไต้หวันเมื่อวานนี้ (14 มกราคม) หลังจากไล่ชิงเต๋อ รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน คว้าชัยในการเลือกตั้ง เตรียมนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีคนที่ 8 ของไต้หวันนับตั้งแต่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 1947
ไล่ชิงเต๋อกล่าวกับคณะผู้แทนว่า เสรีภาพและประชาธิปไตยต่างเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดสำหรับชาวไต้หวัน และเปรียบเสมือนเป็นปราการศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยปกป้องไต้หวัน ทั้งสองสิ่งนี้คือ ‘ค่านิยมหลัก’ ที่ทั้งไต้หวันและสหรัฐฯ ต่างมีร่วมกัน และเป็นรากฐานที่มั่นคงในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-ไต้หวัน
ว่าที่ผู้นำไต้หวันยังกล่าวอีกว่า “การเดินทางเยือนในครั้งนี้มีความหมาย และสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นและใกล้ชิดของไต้หวันและสหรัฐฯ ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากต่อไต้หวัน”
‘สงครามวิวาทะ’ หลังเลือกตั้ง
ทางการจีนประณามสหรัฐฯ รวมถึงรัฐบาลนานาชาติที่แสดงความยินดีต่อไล่ชิงเต๋อและพรรค DPP ที่ชนะการเลือกตั้งไต้หวัน ก่อนที่จะเรียกร้องให้ทุกประเทศสนับสนุนหลักการจีนเดียว และเน้นย้ำว่า “ไม่ว่าผลการเลือกตั้งท้องถิ่นในไต้หวันจะเป็นอย่างไร ข้อเท็จจริงที่ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนจะไม่เปลี่ยนแปลง”
ก่อนที่ทางการไต้หวันจะตอบโต้กลับว่า “แถลงการณ์ของจีนแผ่นดินใหญ่ ‘ไม่สอดคล้อง’ กับความเข้าใจระหว่างประเทศและสถานการณ์บริเวณช่องแคบในปัจจุบันโดยสิ้นเชิง ทั้งยังขัดต่อความคาดหวังของชุมชนประชาธิปไตยทั่วโลกและขัดต่อเจตจำนงของประชาชนชาวไต้หวันที่จะรักษาคุณค่าประชาธิปไตย” พร้อมกับทิ้งท้ายว่า “ถ้อยแถลงที่ฟังดูน่าเบื่อหูเช่นนี้ ไม่คุ้มค่าที่จะโต้เถียงหรือปฏิเสธ”
โดยก่อนหน้านี้ทางการสหรัฐฯ ส่งคณะผู้แทนเดินทางเยือนไต้หวันในทันทีภายหลังการเลือกตั้งเกิดขึ้นครั้งล่าสุดเมื่อปี 2016 หลังจากที่ไช่อิงเหวินชนะการเลือกตั้งสมัยแรก และสร้างประวัติศาสตร์เตรียมนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีหญิงคนแรกของไต้หวันในช่วงเวลานั้น ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับทางการจีนเป็นอย่างมาก จนถึงขั้นปฏิเสธข้อเสนอในการเจรจาและตัดสัมพันธ์ในทุกระดับกับไต้หวันในขณะนั้น และมีความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดเรื่อยมา
กระทรวงการต่างประเทศของไต้หวันได้เรียกร้องให้ทางการจีนเคารพผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น เผชิญกับความเป็นจริง และเลิกกดขี่ไต้หวัน หลังทางการจีนพยายามโจมตีประเด็นด้านความไม่โปร่งใสของการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น โดยทางการไต้หวันได้เน้นย้ำอีกว่า “มีเพียงประชาชนไต้หวันเท่านั้นที่จะมีสิทธิเลือกเส้นทางอนาคตของพวกเขาเอง”
ภาพ: Central News Agency / Pool via Reuters
อ้างอิง:
