×
SCB Omnibus Fund 2024

คาด ‘อีคอมเมิร์ซ’ ดัน ‘นาฬิกาสวิส’ โตสองเท่าภายในปี 2030 ส่วนตลาดมือสองจะเติบโตไปอยู่ที่ 3.5 หมื่นล้านฟรังก์สวิสทั่วโลก

11.01.2023
  • LOADING...
นาฬิกาสวิส

การศึกษาอุตสาหกรรมนาฬิกาสวิสของ Deloitte ซึ่งพบว่า จากสัดส่วนผู้บริโภคถึง 2 ใน 5 ที่มีแผนซื้อนาฬิกาผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของอุตสาหกรรมนาฬิกามีแนวโน้มเติบโตขึ้นเป็น 2 เท่าภายในสิ้นทศวรรษนี้ ในขณะเดียวกัน นาฬิกามือสองยังเป็นที่ต้องการสูง โดยผู้บริโภคคิดเป็น 1 ใน 3 (31%) มีแผนที่จะซื้อนาฬิกามือสองในอีก 12 เดือนข้างหน้า และสัดส่วนที่ว่าจะยิ่งสูงขึ้นในกลุ่มผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี โดยเกือบครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามในกลุ่มนี้ (48%) มีแผนที่จะซื้อนาฬิกามือสอง ทำให้ตลาดนาฬิกามือสองมีแนวโน้มเติบโตจาก 2 หมื่นล้านฟรังก์สวิสเป็น 3.5 หมื่นล้านฟรังก์สวิสภายในปี 2573 คิดเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของตลาดหลัก 

 

ผู้บริโภคยังมองว่านาฬิกาหรูเป็นสินค้าเพื่อการลงทุนมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในจีนและฮ่องกง โดยมีผู้ซื้อนาฬิกา 1 ใน 3 ที่ตัดสินใจซื้อเพื่อการลงทุนหรือเพื่อการขายต่อ จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และการที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความเข้าใจในเทคโนโลยีดิจิทัลกลายมาเป็นกลุ่มผู้ซื้อหลักของนาฬิกาหรู อุตสาหกรรมนาฬิกาสวิสจึงต้องพิจารณาขยายช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ โดยคำนึงถึงความนิยมเลือกซื้อนาฬิกามือสองที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้บริโภค และแนวโน้มของการซื้อนาฬิกาเพื่อการลงทุนที่กำลังเติบโต


บทความที่เกี่ยวข้อง


ในแง่ของการเติบโต ผู้บริหารส่วนใหญ่เชื่อว่าสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดส่งออกของอุตสาหกรรมนาฬิกาสวิสที่สำคัญที่สุดนั้นจะยังคงเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงต่อไป ตามมาด้วยประเทศอินเดีย และประเทศจีน ทั้งนี้ การคาดการณ์การเติบโตนั้นจะแตกต่างกันไปอย่างมากตามแต่ละภูมิภาค ตัวอย่างเช่น คาดว่ายอดจำหน่ายในฮ่องกงจะยังคงลดลงต่อไปหรือซบเซา ในขณะที่ผู้บริหารเพียง 57% เชื่อว่าตลาดจีนจะเติบโต ซึ่งต่างกับตลาดอเมริกาเหนืออย่างสิ้นเชิง เพราะผู้บริหารมากกว่า 3/4 (77%) คาดว่าตลาดนี้จะเติบโต

 

อีคอมเมิร์ซมาแรง

เมื่อพูดถึงการซื้อนาฬิกา 40% ของผู้บริโภคทั้งหมดและ 45% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี มีแนวโน้มที่จะซื้อนาฬิกาใหม่ผ่านช่องทางออนไลน์ อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารในอุตสาหกรรมนาฬิกาส่วนใหญ่เชื่อว่าการจำหน่ายหน้าร้านแบบเดิมจะยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่สำคัญที่สุดต่อไปในอนาคตอันใกล้

 

“ผู้บริโภคจำนวน 2 ใน 5 ต้องการซื้อนาฬิกาผ่านช่องทางออนไลน์ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่แบรนด์ต่างๆ ต้องหันมาขยายช่องทางอีคอมเมิร์ซให้มากขึ้น และเติมเต็มตัวเลือกสินค้าบนช่องทางออฟไลน์ แม้จะมีมากมายอยู่แล้ว เพื่อให้เป็นไปตามความคาดหวังของลูกค้า” Karine Szegedi Head of Consumer and Fashion & Luxury ประจำ Deloitte สวิสเซอร์แลนด์ กล่าวว่า “จากการประมาณการของเรา ส่วนแบ่งการตลาดของช่องทางจำหน่ายนาฬิกาออนไลน์มีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้น 2 เท่าเป็น 30% ภายในปี 2030”

 

นาฬิกาในฐานะสินค้าเพื่อการลงทุน

ในภาพรวมแล้ว ผู้บริโภคเกือบ 1/4 (23%) ซื้อนาฬิกาเพื่อการลงทุนและขายต่อ โดยเห็นได้ชัดในประเทศสิงคโปร์ (33%) ฮ่องกง (32%) และประเทศจีน (29%) ซึ่งอาจอธิบายเหตุผลว่าทำไมผู้บริโภคในตลาดภูมิภาคเอเชียบางแห่งจึงเต็มใจที่จะจ่ายแพงกว่าเพื่อซื้อนาฬิกามือหนึ่ง ตัวอย่างเช่น ผู้บริโภคในประเทศจีนมากกว่า 1/3 (35%) กล่าวว่า พวกเขายอมจ่ายตั้งแต่ 5,000 ฟรังก์สวิสขึ้นไปเพื่อซื้อนาฬิกามือหนึ่ง ในขณะเดียวกันในสวิตเซอร์แลนด์ และฝรั่งเศสมีเพียงผู้บริโภคเพียง 8% และ 2% ตามลำดับเท่านั้นที่จะยอมจ่ายเงินดังกล่าว ผู้บริโภคที่ซื้อนาฬิกาไว้เพื่อการลงทุนตั้งใจที่จะขายต่อในราคาที่สูงขึ้นมีสัดส่วน 36% หรือมองหาการกระจายช่องทางการลงทุน 33% โดยผู้บริโภคในประเทศจีน 55% สนใจเป็นพิเศษในการกระจายพอร์ตการลงทุนด้วยการซื้อนาฬิกา

 

ตลาดนาฬิกามือสองเติบโตต่อเนื่อง

จากการที่ลูกค้าเกือบ 1 ใน 3 (31%) วางแผนซื้อนาฬิกามือสองในปีหน้า และบริษัทต่างๆ ได้จัดทำช่องทางจำหน่ายสินค้ามือสองของแบรนด์ขึ้นมาเอง กลุ่มสินค้ามือสองจึงได้รับความสนใจ ผู้บริโภคนิยมซื้อนาฬิกามือสองกันมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มมิลเลนเนียลและ Gen Z โดย 48% ของผู้ตอบแบบสอบถามจากทั้งสองกลุ่มดังกล่าวระบุว่า พวกเขาสนใจซื้อนาฬิกามือสอง สำหรับผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่พบว่า แรงจูงใจสำคัญที่ทำให้พวกเขาเลือกซื้อนาฬิกามือสอง คือโอกาสที่จะได้ซื้อนาฬิกาหรูในราคาที่ถูกกว่า คิดเป็น 44% และการได้ซื้อรุ่นที่เลิกผลิตไปแล้ว คิดเป็น 29% นอกจากนี้ 21% ยังระบุว่า พวกเขาเลือกซื้อนาฬิกามือสองด้วยเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อม

 

ผู้บริหารที่ตอบแบบสอบถามมองตลาดรองในเชิงบวกมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยมากกว่า 70% มองว่าตลาดมือสองส่งเสริมการรับรู้แบรนด์และคุณค่าของแบรนด์ และพวกเขายินดีกับผลทางอ้อมในแง่ของการเพิ่มการรู้จักแบรนด์และการดึงความสนใจของผู้บริโภคให้กับอุตสาหกรรมนาฬิกาโดยรวม “ตลาดมือสองมีศักยภาพในการเติบโตมหาศาล” Szegedi กล่าว “เมื่อดูจากแนวโน้มในปัจจุบันและความจริงที่ว่าแบรนด์ต่างๆ ยังคงเดินหน้าลงทุนในด้านนี้ เราคาดว่าขนาดของตลาดปัจจุบันที่ประมาณ 20 พันล้านฟรังก์สวิสจะเติบโตมากขึ้นในปีต่อๆ ไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีแนวโน้มว่าจะสูงถึงเกือบ 35 พันล้านฟรังก์สวิสภายในสิ้นทศวรรษนี้ ซึ่งคิดเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของตลาดหลัก”

 

ภาพลักษณ์ของแบรนด์หรือความยั่งยืน

1 ใน 4 ของผู้บริโภคที่ตอบแบบสอบถาม การเป็นเจ้าของนาฬิกาข้อมือกลายเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเพิ่มขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสัดส่วนนี้ยิ่งสูงมากขึ้นในกลุ่มมิลเลนเนียล (35%) และ Gen Z (33%) การที่คนรุ่นใหม่หันมาสนใจนาฬิกาเพิ่มมากขึ้นทำให้เราสันนิษฐานได้ว่า ความยั่งยืนได้กลายมาเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม มีเพียง 32% ของผู้บริโภคที่ตอบแบบสอบถามเท่านั้นที่เชื่อว่าความยั่งยืนมีความสำคัญมากกว่าภาพลักษณ์ของแบรนด์ และผู้บริโภคในจำนวนเดียวกันนี้กล่าวว่า หากชอบนาฬิกาสักเรือน พวกเขาไม่ได้สนใจเรื่องความยั่งยืน ในขณะที่ 1 ใน 5 (21%) กล่าวว่า ภาพลักษณ์ของแบรนด์มีความสำคัญต่อพวกเขามากกว่าความยั่งยืน

 

อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมนาฬิกามีมติร่วมกันอย่างชัดเจนว่า พวกเขาจำเป็นต้องมีส่วนช่วยในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น และแบรนด์ต่างๆ ได้มีการดำเนินการในด้านนี้ไปแล้วหลายขั้นตอน ผู้บริหารในอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ (64%) มองว่า การจัดหาวัสดุอย่างมีจริยธรรมและประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในแง่ของความยั่งยืน ตามด้วยการรายงานผลการดำเนินงานและการปฏิบัติตามข้อบังคับ (21%) และบรรจุภัณฑ์ (12%) “แม้ว่าอุตสาหกรรมนาฬิกาสวิสจะเป็นอุตสาหกรรมที่มีมานานแล้ว แต่ก็เป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ล้ำสมัยที่สุด” Karine Szegedi อธิบาย “จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมนี้นับเป็นกุญแจสำคัญในการตามหาวัสดุใหม่ๆ ที่เป็นวัสดุหมุนเวียน มีความยั่งยืนมากขึ้น และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง”

 

ทั้งนี้ การศึกษาอุตสาหกรรมนาฬิกาสวิสของ Deloitte ฉบับนี้ เป็นการประเมินอุตสาหกรรมแบบองค์รวมที่ประกอบด้วยมุมมองที่หลากหลาย มีแนวทางในการสำรวจที่เป็นอิสระโดยทีมงานวิจัยภายในของ Deloitte โดยอ้างอิงจากผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารระดับสูงในอุตสาหกรรมนี้จำนวน 70 รายบนช่องทางออนไลน์ ซึ่งดำเนินการระหว่างกลางเดือนสิงหาคมถึงกลางเดือนกันยายน 2022 รวมถึงการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม

 

นอกจากนี้ Deloitte ยังทำการสำรวจผู้บริโภคในตลาดส่งออกนาฬิกาสวิสชั้นนำ และตลาดภายในประเทศในช่วงเวลาเดียวกันจำนวน 5,579 รายบนช่องทางออนไลน์ ประกอบด้วยผู้บริโภคในจีน ฝรั่งเศส เยอรมนี ฮ่องกง อิตาลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising