×

Sweet Tooth ซีซัน 2 การผจญภัยของจอมเขมือบและพี่เบิ้มที่ไม่กลมกล่อมเท่าซีซันแรก

01.05.2023
  • LOADING...
Sweet Tooth ซีซัน 2

หลังจากปล่อยให้ผู้ชมทั่วโลกรอคอยมานานร่วม 2 ปี ในที่สุด Sweet Tooth ซีซัน 2 ออริจินัลซีรีส์จาก Netflix ที่ดัดแปลงมาจากคอมิกยอดฮิตในชื่อเดียวกันของ Jeff Lemire จากค่าย DC Vertigo ก็ได้กลับมาสานต่อเรื่องราวการผจญภัยของ Gus เจ้าหนู Hybrid ครึ่งกวางกันอีกครั้ง โดยซีซันนี้จะยังคงได้ Jim Mickle กลับมาดูแลในตำแหน่งผู้สร้างเช่นเดิม 

 

สำหรับเนื้อหาในซีซันนี้จะพาเราไปติดตามเรื่องราวหลังจากที่ Gus (Christian Convery) ถูกกลุ่ม Last Man ที่นำโดย Abbot (Neil Sandilands) จับตัวไป จนได้มาเจอกับ Wendy (Naledi Murray) และเด็กๆ Hybrid ที่ถูกจับตัวมาเช่นกัน พวกเขาจึงต้องร่วมมือกันเพื่อหนีออกจากสวนสัตว์  

 

ขณะเดียวกัน Jepperd (Nonso Anozie) ที่ได้รับความช่วยเหลือจาก Aimee (Dania Ramirez) ก็ตัดสินใจร่วมมือกันเพื่อหาทางบุกไปช่วยเหลือ Gus และลูกๆ Hybrid ของตนเอง ส่วนหมอ Singh (Adeel Akhtar) ที่ถูกกลุ่ม Last Man จับตัวมาเพื่อสร้างวัคซีนรักษาโรคร้าย ก็ได้ค้นพบความจริงบางอย่างที่อาจนำมาสู่ทางรอดของมนุษยชาติ 

 

 

ความโดดเด่นประการหนึ่งของ Sweet Tooth (2021) ซีซันแรกคือเซ็ตติ้งของโลก Post Apocalypse ที่เต็มไปด้วยปริศนามากมายให้เราได้ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับตัวละคร ทั้งสาเหตุของโรคระบาดที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด หรือปริศนาของเด็ก Hybrid รวมไปถึงเรื่องราวของตัวละครที่ต่างก็มีปมปัญหาน่าสนใจไม่แพ้กัน

 

ตัดสลับมาที่ Sweet Tooth ซีซัน 2 ส่วนตัวผู้เขียนแอบรู้สึกว่าเรื่องราวในซีซันนี้ดูจะขาดมนตร์เสน่ห์บางอย่างที่ซีซันแรกเคยมี ประการแรกคือกลิ่นอายของการผจญภัยในโลก Post Apocalypse ที่ขาดหายไปพอสมควร ซึ่งเราพอเข้าใจว่าผู้สร้างตั้งใจจะเน้นหนักไปที่ภารกิจช่วยเหลือ Gus และเด็กๆ เป็นหลัก แต่ด้วยกลวิธีนำเสนอในช่วงแรกที่ดูยืดเยื้อและวกไปวนมา เช่น เรื่องราวในฝั่งของ Gus และหมอ Singh ที่ต้องเข้าๆ ออกๆ ห้องทดลองกันอยู่หลายครั้ง หรือการเดินทางในฝั่งของ Bear (Stefania LaVie Owen) ที่เรารู้สึกว่ายังสามารถทำให้กระชับกว่านี้ได้ จึงส่งผลให้เนื้อเรื่องในช่วงครึ่งแรกดูเนือยๆ ไม่ชวนให้เราติดตามเท่าไรนัก 

 

ประการต่อมาคือฉากแอ็กชันที่ผู้เขียนคิดว่าซีซันแรกสามารถนำเสนอได้สนุกสนานมากกว่า ทั้งฉากการหนีเอาชีวิตรอดที่ลุ้นระทึกและชวนให้เราเอาใจช่วยสองตัวละครหลัก แต่ซีซันนี้กลับไม่สามารถดึงจุดเด่นดังกล่าวกลับมาใช้ได้อย่างเต็มที่นัก โดยเฉพาะฉากการบุกโจมตีของ Jepperd และ Aimee ที่ดูเรียบง่ายเกินไปสักหน่อย จึงทำให้ฉากแอ็กชันในซีซัน 2 ขาดความตื่นเต้นและลุ้นระทึกที่ซีซันแรกเคยมีอยู่พอสมควร 

 

 

อย่างไรก็ตาม จุดเด่นข้อหนึ่งที่ Sweet Tooth ซีซัน 2 ยังคงรักษาไว้ได้เป็นอย่างดีคือเรื่องราวของตัวละครที่ถูกขยับขยายให้เราได้เข้าไปสำรวจแง่มุมต่างๆ ของพวกเขามากยิ่งขึ้น เช่น การเปิดเผยบาดแผลในอดีตของ Jepperd ที่เขายังไม่สามารถข้ามผ่านไปได้ ซึ่งประเด็นดังกล่าวก็ช่วยเสริมให้เราเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นว่าการที่ Jepperd ได้โคจรมาพบกับ Gus นั้นมีความหมายกับเขามากขนาดไหน  

 

หรือทางฝั่งของตัวร้ายหลักอย่าง Abbot ที่ในซีซันแรกเขาดูจะเป็นตัวร้ายที่ไม่มีมิติให้เราได้ค้นหาเท่าไรนัก แต่ครั้งนี้เราจะได้ไปทำความรู้จักเรื่องราวของเขามากขึ้น ผ่านสายสัมพันธ์ระหว่างเขาและน้องชายอย่าง Johnny (Marlon Williams) ที่เป็นแรงผลักดันสำคัญให้เขาต้องการทำเป้าหมายของตัวเองให้สำเร็จ 

 

 

เมื่อซีรีส์พาเราเข้าไปสำรวจมิติของตัวละครที่ลึกซึ้งมากขึ้นกว่าเดิม จึงยิ่งเสริมให้เรามีความรู้สึกร่วมไปพร้อมกับตัวละครมากขึ้น เข้าใจในการตัดสินใจของพวกเขามากขึ้น (แม้เราจะไม่เห็นด้วยกับการกระทำเหล่านั้นก็ตาม) และทำให้อยากที่จะติดตามว่าเรื่องราวการผจญภัยของพวกเขาต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป 

 

 

ในภาพรวมแล้ว ส่วนตัวผู้เขียนรู้สึกว่า Sweet Tooth ซีซัน 2 แอบไม่กลมกล่อมเท่าไรนักเมื่อเทียบกับซีซันแรก โดยเฉพาะกลวิธีนำเสนอที่ยืดเยื้อเกินไปจนทำให้เรื่องราวไม่ดำเนินไปข้างหน้า รวมถึงฉากแอ็กชันที่ถูกออกแบบมาได้ไม่น่าตื่นเต้นอย่างที่เราคาดหวัง 

 

แต่จุดอ่อนดังกล่าวก็ถูกแทนที่ด้วยเรื่องราวของตัวละครที่ถูกขยับขยายให้เราได้ทำความรู้จักพวกเขามากยิ่งขึ้น ได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่แน่นแฟ้นมากขึ้น จึงทำให้เรายังสามารถติดตามเรื่องราวของพวกเขาไปได้ตั้งแต่ต้นจนจบ 

 

สามารถรับชม Sweet Tooth ซีซัน 2 ทั้ง 8 ตอนได้แล้วทาง Netflix 

 

รับชมตัวอย่างได้ที่:

 

 

ภาพ: Netflix 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising