×

สุพัฒนพงษ์ เตรียมแผนให้อินเซนทีฟ หวังคนไทยล้วงเงินออม 3 แสนล้าน ปลุกเศรษฐกิจ มั่นใจแผนดัน GDP ปีนี้โต 4% ยังมีหวัง

26.04.2021
  • LOADING...
สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์

การกลับมาระบาดในระลอกใหม่ของโควิด-19 ซึ่งครั้งนี้ดูจะทวีความรุนแรงมากกว่าในระลอกที่ผ่านๆ มา และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยตรง ทำให้รัฐบาลต้องนัดประชุมกับภาคเอกชน เพื่อร่วมกันหาทางออกในเรื่องดังกล่าว โดยการประชุมร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนจะมีขึ้นในวันที่ 28 เมษายนนี้

 

อย่างไรก็ตามในวันนี้ (26 เมษายน) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้หารือร่วมกับ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมไปถึงคณะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ที่มี ทศพร ศิริสัมพันธ์ เป็นประธาน โดยมี ปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารทหารไทย และ ผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ กรรมการบริหาร และกรรมการกำกับดูแลความเสี่ยงธนาคารกรุงไทย เข้าร่วมประชุมด้วย 

 

การประชุมในวันนี้เป็นการหารือร่วมกัน ก่อนที่จะเข้าประชุมร่วมกับภาคเอกชน นำโดยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ในวันที่ 28 เมษายน

 

สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังหารือในวันนี้ว่า รัฐบาลได้เตรียมการในทุกด้านอยู่แล้วเพื่อแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เช่น การคัดกรอง การรักษาพยาบาล และการจัดเตรียมวัคซีน ส่วนแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ยังต้องทบทวนใหม่ ต้องรอประเมินสถานการณ์หลังเดือนเมษายน ซึ่งเป็นระยะเวลาของการยกระดับการป้องกันก่อน

 

“ถ้าสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีขึ้น คนไทยมีความมั่นใจมากขึ้น จะทำให้กลับไปเที่ยวได้เหมือนเดิม ดีไม่ดีได้มากกว่าเดิมด้วย ถ้าคนไทยช่วยกัน GDP ขยายตัว 4% ยังพอมีโอกาส” สุพัฒนพงษ์กล่าว

 

สุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ตัวเลขเงินฝากในบัญชีของคนไทยสูงขึ้นหลายแสนล้านบาท ถ้าอยากให้ GDP ขยายตัว 4% คนที่มีเงินฝากต้องออกมาใช้จ่าย เพราะเงินฝากที่มีอยู่ 5-6 แสนล้านบาท เท่ากับ GDP 3% 

 

“ประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจของหน่วยงานต่างๆ ประเมิน GDP ไว้ 2.7% ถ้าได้คนไทยมาช่วยกัน รักประเทศ รักชาติ ช่วยกันใช้ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น เอื้ออาทร ดูแลคนที่ด้อยโอกาสกว่า มาช่วยกันใช้จ่าย ก็จะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาได้”

 

สุพัฒนพงษ์กล่าวด้วยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมีไว้อยู่แล้ว โดยในเดือนพฤษภาคมจะอนุมัติ และเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนมิถุนายน ซึ่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะดึงเงินออมออกมาใช้จ่ายจะให้เป็นแรงจูงใจ (Incentive) ไม่ใช่การลดหย่อนภาษี แหล่งเงินงบประมาณที่ใช้มาจากพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ซึ่งขณะนี้เหลืออยู่ประมาณ 2 แสนล้านบาท 

 

“ยังไม่จำเป็นต้องกู้เงินเพิ่ม ยังอยู่ในกรอบวงเงินกู้เดิม อยากให้คนที่มีเงินฝากเยอะได้มีโอกาสมาช่วยชาติกัน ซึ่งจะมีอินเซนทีฟให้คนที่มีเงินฝากเยอะขึ้น ได้มาช่วยชาติได้มากขึ้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องมาขอระดับคนละครึ่ง เป็นคนละเสี้ยว คนละค่อน”

 

นอกจากนี้ สุพัฒนพงษ์ยังกล่าวย้ำว่า ในวันนี้ต้องทำให้เกิดความมั่นใจก่อนว่า ประเทศไทยควบคุมดูแลการแพร่ระบาดในระดับที่สร้างความเชื่อมั่นได้ ถ้าเกิดความเชื่อมั่นทุกอย่างก็จะคลี่คลายมากขึ้น

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising