สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเข้าพบ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงกรณี บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) ที่ถูกรัฐบาลเมียนมายกเลิกสัญญาโครงการเศรษฐกิจพิเศษทวายของ ITD ว่า ได้รายงานนายกรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลเมียนมากับเอกชนของไทย แต่ถามว่ารัฐบาลไทยทอดทิ้งหรือไม่ คงไม่ ซึ่งต้องไปดูข้อเท็จจริง วันนี้ยังไม่เห็นเรื่องข้อพิพาทของการยกเลิกสัญญาคืออะไร ถ้าเห็นแล้วต้องเข้าไปดูแล
“อย่างไรก็ตามไม่ต้องกังวล เพราะมีสัญญาประชาคมอาเซียนคลุมอยู่แล้ว เป็นข้อตกลงของประเทศอาเซียนร่วมกัน เอกชนเขาเก่ง ก่อนจะไปลงทุนเขาคงอ่านสัญญาประชาคมอาเซียนแล้วว่า เขาจะได้รับการคุ้มครองอะไรบ้าง เขาคงใช้สิทธิ์ทางการคุ้มครอง รัฐบาลก็ต้องบริหารจัดการหรือช่วยเหลือ เพื่อให้บรรลุข้อตกลงกันได้” สุพัฒนพงษ์กล่าว
สำหรับช่องทางช่วยเหลือ ITD เขากล่าวว่า จะใช้คณะกรรมการร่วมไทย-เมียนมา-ญี่ปุ่น โดยจะแต่งตั้ง อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานคณะกรรมการประสานงานร่วมระหว่างไทย-เมียนมา เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย และพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง (Joint Coordinating Committee for the Comprehensive Development of the Dawei Special Economic Zone and Its Related Projects Areas: JCC) ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นอนุคณะกรรมการของคณะกรรมการร่วมระดับสูงระหว่างไทย-เมียนมา เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย และพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง ฝ่ายไทย (Myanmar-Thailand Joint High Level Committee for the Comprehensive Development in the Dawei SEZ and Its Related Project Areas: JHC) ที่มีตนเป็นประธาน ซึ่งจะใช้เวทีเหล่านี้พูดคุยกัน ส่วนจะนัดประชุมร่วมกันได้เมื่อไร ต้องศึกษารายละเอียดข้อพิพาทก่อน
“ขอให้ได้รับเอกสารก่อนว่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร แต่จะเร่งให้เร็วที่สุด ซึ่งทางบริษัทอิตาเลียนไทยฯ ได้ทำเรื่องขอความช่วยเหลือมาแล้ว เราจะดูว่าช่วยเหลือเรื่องใด แบบใด ที่ทำได้ภายในกรอบของรัฐบาล อย่าลืมว่าเรื่องนี้เป็นข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลเมียนมากับบริษัทเอกชนไทย ซึ่งเอกชนไทยได้รับการคุ้มครองในเรื่องของสัญญาประชาคมอาเซียนอยู่แล้ว ส่วนรัฐบาลไทยจะช่วยตามที่เอกชนขอร้องมา ผมคิดว่าบริษัทอิตาเลียนไทยส่งหนังสือให้รัฐบาลไทยช่วยเหลือผ่านนายกรัฐมนตรีมาแล้ว ซึ่งรัฐบาลติดตามอยู่ ไม่ได้ทอดทิ้ง” สุพัฒนพงษ์กล่าว
สุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า โครงการทวายนับเป็นความร่วมมือระหว่างไทย-เมียนมา-ญี่ปุ่น ได้ดำเนินการมาระยะหนึ่ง และคืบหน้าไปได้มาพอสมควรแล้ว วัตถุประสงค์ของการเชื่อมโยงระหว่าง 3 ประเทศ เพื่อให้เกิดเส้นทางออกทางทะเลฝั่งอันดามัน
“รัฐบาลไทยลงทุนไปเยอะพอสมควรในเรื่องของถนนมอเตอร์เวย์กรุงเทพฯ-กาญจนบุรี และจากกาญจนบุรีเข้าไปในพื้นที่ทวาย มีการพูดคุยกันอยู่ว่าจะช่วยเหลือกันอย่างไร และเป็นไปด้วยดีมาโดยตลอด ตนรู้สึกแปลกใจว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะสาเหตุอะไร และข้อพิพาทนี้จะนำไปสู่ความสำเร็จหรือทิศทางอุตสาหกรรมอะไรในเมียนมาบ้าง ยังบรรลุวัตถุประสงค์เดิมของรัฐบาลอยู่ไหม ถ้าบรรลุวัตถุประสงค์เดิมของรัฐบาลอยู่ ก็ไม่มีเหตุผลที่เราจะไม่สนับสนุน” สุพัฒนพงษ์กล่าว
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
