ไม่ค่อยได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนเมือง ‘มะนิลา’ เมืองหลวงของประเทศฟิลิปปินส์บ่อยครั้งนัก แต่ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าเต็มไปด้วยความน่ากลัว ความวุ่นวาย ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ไม่เหมาะกับการท่องเที่ยวสักเท่าไร กับบ้านเมืองในบรรยากาศที่แปลกตา ตึกสูงหนึ่งบล็อก ชุมชนแออัดหนึ่งบล็อก สลับกันไปมาอย่างไม่เคยพบเห็นที่ไหน

 

 

   หนึ่งในเพื่อนที่เคยมีประสบการณ์กับมะนิลาก็ต่างแนะนำสิ่งโน้นสิ่งนี้มาให้ จนไปพบเข้ากับเชนคาเฟ่หนึ่งของบ้านเขาที่เตะตาต้องใจเรามากๆ จึงรู้ว่า เอ๊ะ มะนิลาก็มีมุมแบบนี้กับเขาด้วยเหมือนกัน กับคาเฟ่จริตเยอะ มีสไตล์ และสีสันสวยอย่าง Sunnies Cafe (ซันนี่ส์ คาเฟ่) คาเฟ่ที่เสิร์ฟเครื่องดื่มอร่อยๆ และบรันช์หน้าตาดีแบบ All-Night Long เพราะเขาเสิร์ฟตั้งแต่สายๆ พอตกเย็นมีดินเนอร์ ลากยาวไปจนถึงค็อกเทลยามราตรี ใครไปมะนิลาเราไม่อยากให้พลาดเลยจริงๆ!

 

 

The Vibe

     เขาใช้ชื่อ Sunnies Cafe ก็เพราะอยากจะทำให้คาเฟ่เป็นเสมือนการนำเอาวันอากาศดี แสงแดดจ้า และความชิลล์มาควบรวมกันไว้ ร้านจึงออกมาในคู่โทนสีสวยอย่าง สีชมพูพาสเทลและสีเขียวไข่กา ให้ความรู้สึกสดใสและอบอุ่นในที โดดเด่นด้วยการออกแบบภายในที่ใช้ไม้เป็นตัวชูโรง ทั้งเพดานไม้ระแนง โป๊ะโคมไฟ รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ภายในร้าน

 

 

     ทั้งนี้ยังแซมด้วยวัสดุมีระดับอย่างหินอ่อนเขียวลายพิลึกพิลั่นตรงเคาน์เตอร์บาร์ เพิ่มความขจีให้ร้านด้วยการจัดวางต้นไม้แทรกตามผนัง และวางกระถางต้นปาล์มใบสูงใหญ่ไว้ภายใน ให้กลิ่นอายความเป็น Modern-Tropical ได้อย่างดี

     ภายนอกร้านโดดเด่นด้วยโซนที่นั่งเอาต์ดอร์ที่เป็นเก้าอี้เหล็กขาว โป๊ะไฟรูปร่างสวย และประตูสีชมพู บอกเลยว่าอย่าพลาดเก็บภาพมุมนี้ไปอวดเพื่อน!

 

The Dishes

     อย่างที่บอกไปว่าที่นี่เขาเสิร์ฟตั้งแต่สายๆ ไปจนถึงค่ำมืดดึกดื่น เพราะฉะนั้นเมนูอาหารของที่นี่จะมีความหลากหลายอย่างมาก เริ่มต้นที่ All-Day Brunch ที่คุณสามารถสั่งได้ทั้งวี่ทั้งวัน กับอาหารสไตล์อเมริกันประยุกต์ที่ชวนให้เราพรมนิ้วเลือกทุกจานบนกระดาษเมนู!

     เราลองสั่งสิ่งที่เรียกว่า ‘Truffled Scrambles’ (168 บาท) ไข่ไก่คนจนเกือบสุกในกระทะด้วยน้ำมันทรัฟเฟิล ยั่วยวนด้วยกลิ่นหอมของทรัฟเฟิลตั้งแต่พนักงานเดินเข้ามาเสิร์ฟบนโต๊ะ ด้านบนไข่สีเหลืองสวยโปะหน้าด้วยเห็ดชิเมจิผัดซอสเข้มข้น แต้มดีเทลการทานด้วยเห็ดทอดกรอบที่โรยทับมาอีกชั้น เสิร์ฟเคียงคู่มากับมันบดและขนมปังเนื้อครัวซองต์ที่นำไปอังไฟบางๆ รับประทานรวมๆ กันแล้วได้รสชาติที่เยี่ยมยอด

 

 

     หรือหากอยากกินอะไรง่ายๆ เราแนะนำ ‘Chicken and Pancake’ (168 บาท) แพนเค้กเนื้อเนียนสีน้ำตาลสวย เสิร์ฟคู่กับไก่ทอดสไตล์ฟิลิปปินส์แบบเต็มชิ้นเต็มคำ พร้อมไข่ดาวอีกใบ ชูไม้ชูมือขอซอสที่เขามีเพื่อเพิ่มรสชาติให้ถูกปากได้เลย

     ส่วนจานใหญ่ๆ สำหรับมื้อหนักเราขอให้คุณลองสั่ง ‘Butcher’s Steak’ (310 บาท) สเต๊กสีสวยราดซอสเกรวี่ของทางร้าน เสิร์ฟมาคู่กับข้าว ถั่วแขก มันฝรั่ง และที่เพิ่มรสชาติให้คุณเอร็ดอร่อยมากขึ้น คุณต้องสั่งส่วนไขกระดูก (129 บาท) มาวางรวมกันในจานด้วย ไม่ใช่แค่ได้รสชาติเพิ่มขึ้น เพราะถ่ายรูปสวยขึ้นด้วย!

 

 

     ส่วนของหวาน เราเลือกซิกเนเจอร์ของเขามาลองลิ้มหนึ่งจานนั่นคือ ‘Matcha hoe’ (ราคา 258 บาท) แป้งคุกกี้โดอบมาให้พอนุ่มนิ่มกึ่งกรุบกรอบ วางไอศกรีมมัจฉะชาเขียวรสเข้มข้นไว้ด้านบน เสิร์ฟมาในกระทะร้อนๆ ตักทานล้างปากได้หมดจด เพราะว่ามันหวานมาก! (ใครไม่ชอบความหวานอาจต้องปฏิเสธสิ่งนี้ไปถ้าพนักงานแนะนำ)

 

The Drinks

     ทางด้านเครื่องดื่ม เขามีเสิร์ฟเมนูกาแฟง่ายๆ ทั่วไป แต่ความพิเศษคือเป็นเมล็ดกาแฟที่ทางร้านคั่วเอง พร้อมวางขายในแพ็กเกจน่ารักสะดุดตาด้วยนะ แต่ที่เราอยากให้คุณได้ลิ้มลอง คือเหล่ามิลก์เชกแก้วสูงที่เติมบรรยากาศให้ร้านมีชีวิตชีวาและมีความ girly มากขึ้นอีกนิดกับ ‘Salted Caramelsutra’ (123 บาท) ชื่อสะดุดหูราวกับคัมภีร์เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ไอศกรีมซอลเต็ดคาราเมลปั่นรวมกับเกรแฮมแครกเกอร์ และนมรสมอลต์ หวานจ้อยน้ำตาลขึ้นตา ยังโชคดีที่ดีเทลความกรุบของแครกเกอร์ตัดความหวานช่วยชีวิตไว้ได้บ้าง

 

 

     ส่วนถ้าใครอยากจะลองค็อกเทลสักแก้วเราขอยื่น ‘Regina George’ (158 บาท) ชื่อคุ้นหูจากตัวละครที่ Bitchy ที่สุดตัวหนึ่งในโลกภาพยนตร์จากเรื่อง Mean Girls ค็อกเทลที่เบสด้วยรัม ผสมความหวานซ่อนเปรี้ยวอย่างมีจริตด้วยไซรัปกล้วย ขิง และน้ำมะนาว แปลกลิ้นแต่ถูกใจอย่างไม่น่าเชื่อ!

 

Photo: อรัณย์ หนองพล, Courstesy of Sunnies Caf