พรีเมียร์ลีก 2018-19 ก้าวผ่านช่วงครึ่งฤดูกาลและตารางแข่งขันที่กระชั้นชิดที่สุดของฤดูกาลมาแล้ว โดยผลงานของแต่ละทีมช่วงนี้มีส่วนสำคัญในการชี้วัดความสำเร็จในช่วงท้ายฤดูกาลตลอดสิบปีที่ผ่านมา โดยแม้ว่าลิเวอร์พูลสามารถก้าวขึ้นมาเป็นทีมหัวตารางได้สำเร็จ แต่สถิติที่ผ่านมากลับไม่เป็นใจให้พวกเขาประสบความสำเร็จในช่วงท้ายฤดูกาล
ขณะที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งด้วยการทำผลงานสุดช็อกที่สุดครั้งหนึ่งของพรีเมียร์ลีกด้วยการพลาดท่าพ่ายให้กับคริสตัล พาเลซ ไป 2-3
โดยสถิติที่น่าสนใจของช่วง Boxing Day ที่ผ่านมามีอะไรบ้าง ไปติดตามกันได้เลย
“ตารางคะแนนไม่เคยโกหกใคร” คือประโยคเด็ดที่ทรงพลังในวันที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังอยู่ภายใต้การคุมทีมของเจ้าของประโยค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่มาถึงทุกวันนี้กลายเป็นคำพูดที่มีความเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้ยินสำหรับแฟนปีศาจแดง
โดยตารางคะแนนหลังผ่านช่วง Boxing Day กลายเป็นลิเวอร์พูลที่เป็นจ่าฝูงนำห่างอันดับที่ 2 อยู่ 4 คะแนน ขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุคหลัง โฆเซ มูรินโญ แม้ว่าจะมีคะแนนเพียง 38 ตามหลังลิเวอร์พูลอยู่ 16 คะแนน แต่ด้วยฟอร์มการเล่นที่ชนะทั้งหมด 4 นัด พร้อมด้วยสกอร์ที่ไม่ต่ำกว่า 2 ลูกทุกนัด ก็คงทำให้แฟนบอลมีกำลังใจกับฤดูกาลที่เหลือ พร้อมรอลุ้นผลงานของทีมในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกรอบน็อกเอาต์ได้บ้าง
แม้ว่าลิเวอร์พูลจะทิ้งห่างอันดับที่ 2 อยู่ 4 คะแนน แต่สำหรับสถิติในช่วงคริสต์มาสดูจะไม่ค่อยเป็นใจสำหรับพวกเขาในช่วงท้ายฤดูกาลนัก
โดยตลอด 10 ฤดูกาลที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2008 ลิเวอร์พูลขึ้นหัวตารางได้ 2 ครั้งในวันที่ 25 ธันวาคม แต่สุดท้ายกลายเป็นทีมอื่นที่คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ ขณะที่อีก 8 ฤดูกาลที่เหลือ หัวตารางในช่วงคริสต์มาสกลายเป็นแชมป์ลีกในช่วงท้ายฤดูกาลทุกครั้ง
หรือว่าปี 2018 นี้คือโอกาสสำคัญที่พวกเขาจะทำลายสถิตินี้ เนื่องจากเมื่อปี 2008-09 พวกเขามีคะแนนนำห่างเชลซีซึ่งเป็นอันดับที่ 2 เพียง 1 คะแนน และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในอันดับที่ 3 เพียง 6 คะแนน และสุดท้ายพวกเขาจบอันดับที่ 2 ห่างจากแชมป์อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ 4 คะแนน
ส่วนฤดูกาล 2013-14 ลิเวอร์พูลแตกต่างจากอาร์เซนอล ทีมอันดับที่ 2 เพียงแค่ผลต่างประตูได้เสีย และสุดท้ายเสียแชมป์ให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปเพียง 2 คะแนนเท่านั้น
ดังนั้นช่วงสำคัญของฤดูกาลนี้เราจึงเห็นได้ชัดว่า เจอร์เกน คลอปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล จะออกมาปกป้องทีมเสมอว่าไม่ใช่ว่าทีมเต็งแชมป์ เพราะในช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาล อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
สำหรับแฟนบอลพรีเมียร์ลีก ช่วงคริสต์มาสที่ผ่านมาคงไม่มีอะไรช็อกไปกว่าการที่แชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่อยู่ๆ ก็พ่ายให้กับคริสตัล พาเลซ ไป 3-2 แต่สถิติที่ผ่านมาก็บ่งบอกว่าทุกคนมีสิทธิ์ช็อกจริงๆ
ไซมอน กรีฟ หัวหน้าฝ่ายวิจัยกีฬาของ Gracenote เผยว่าผลการแข่งขันนี้เป็นเกมที่พลิกล็อกมากที่สุดนับตั้งแต่เกมที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลาดท่าเปิดบ้านพ่ายให้กับแบล็กเบิร์น โรเวอร์ส ในค่ำคืนวันปีใหม่เมื่อปี 2011
“อัตราต่อรองในเกมนั้น แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส เป็นรองถึง 25-1 ที่โอลด์แทรฟฟอร์ดก่อนเกมเริ่ม เช่นเดียวกับคริสตัล พาเลซ กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ที่ 20-1”
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าลูกยิง 30 หลาสุดมหัศจรรย์ของ แอนดรอส ทาวน์เซนด์ คงมีส่วนสำคัญในการช่วยให้คริสตัล พาเลซ พลิกล็อกเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่สิ่งที่เหลือเชื่อยิ่งกว่าคือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พลาดท่าและแพ้ให้กับเลสเตอร์ ซิตี้ ในเกมต่อมาไป 2-1 แต่สุดท้ายแชมป์เก่าก็สามารถเอาชนะลิเวอร์พูลไป 2-1 ไล่ตามมาในอันดับที่ 2 และมีคะแนนห่างจากลิเวอร์พูลอยู่ 4 คะแนน
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในความสุขที่แฟนบอลชาวแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้รับนอกจากการได้เห็นทีมกลับมาเน้นเกมรุกจนทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมแล้วคือการได้เห็น พอล ป็อกบา กลับมามีความสุขและกล้าแสดงออกในสนามฟุตบอลอีกครั้ง
ซึ่งในช่วง 4 เกมที่ผ่านมา เขาเป็นกำลังสำคัญของทีมในสนามด้วยผลงานพาทีมชนะ 4 เกม ยิงไป 4 ประตู และจ่ายให้เพื่อนยิงอีก 3 ลูก พร้อมกับออกมายอมรับว่าทีมกำลังพบเจอกับความสุขอีกครั้งภายใต้การคุมทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ อดีตนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วัย 45 ปี
ภาพประกอบ: Nuttarut B.