×
SCB Omnibus Fund 2024

สรุปประเด็น ‘อนาคต Cryptocurrency’ จากการพูดคุยกับ 3 ผู้คร่ำหวอดของวงการ

20.02.2021
  • LOADING...
สรุปประเด็น ‘อนาคต Cryptocurrency’ จากการพูดคุยกับ 3 ผู้คร่ำหวอดของวงการ

ทุกวันนี้คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า คริปโตเคอร์เรนซีเป็นหนึ่งในกระแสที่คนทั่วโลกกำลังให้ความสนใจกันเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ ‘บิตคอยน์’ ในฐานะผู้ที่บุกเบิกวงการมานานนับ 10 ปี

 

ข้อมูลจาก Nerdwallet.com ระบุว่า ตลาดของบิตคอยน์ในปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึง 969,000 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกันตลาดของคริปโตเคอร์เรนซีทั่วโลกมีเหรียญเกิดขึ้นมาแล้วมากถึง 6,700 สกุล 

 

และในประเทศไทยเอง ความสนใจจากผู้คนก็เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจาก จำนวนบัญชีซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นจาก 150,000 บัญชี มาเป็น 600,000 บัญชี ภายในเวลาเพียงแค่ 2-3 เดือน 

 

ครั้งนี้ THE STANDARD WEALTH จึงได้เชิญทุกคนมาร่วมทำความรู้จักกับคริปโตเคอร์เรนซีให้มากขึ้น พร้อมกับมองอนาคตไปกับ 3 ผู้คร่ำหวอดในวงการ อย่าง ศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย, กวีวุฒิ เต็มภูวภัทร Head of Venture Builder SCB 10X และ เอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด 

 

บิตคอยน์แค่ ‘กระแส’ หรือ ‘ของจริง’?

 

ในมุมของศุภกฤษฎ์มองว่า คริปโตเคอร์เรนซีอย่างบิตคอยน์ ถูกสร้างขึ้นมาด้วยเป้าหมายระยะยาว ปัจจุบันบิตคอยน์ยังอยู่ในช่วงที่ยังเติบโต ‘ไม่เต็มวัย’ คล้ายกับช่วงที่อินเทอร์เน็ตเริ่มแพร่หลาย ซึ่งยังต้องมีผู้อธิบายให้หลายๆ คนเข้าใจว่า สิ่งนี้จะเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของเราได้อย่างไร 

 

“การที่หลายคนยังไม่เชื่อถือบิตคอยน์เป็นเรื่องปกติ เพราะยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ส่วนตัวมองว่าหากเราไม่ลองศึกษา และรีบตัดสินก่อนที่จะเข้าใจ จะเป็นการตัดโอกาสตัวเอง” 

 

สำหรับอนาคตของบิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซีต่างๆ จะเป็นแค่กระแสหรือไม่นั้น ต้องดูว่าตัวของมันสามารถส่งมอบคุณค่าให้กับผู้คนได้หรือไม่ 

 

กวีวุฒิกล่าวเสริมว่า แม้บิตคอยน์จะเริ่มมีคนพูดถึงกันมากขึ้น แต่คนที่เข้าใจบิตคอยน์หรือคริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ อย่างแท้จริงอาจจะมีไม่มากนัก เพราะฉะนั้นเราควรจะเริ่มจากการศึกษาก่อนว่า บิตคอยน์หรือคริปโตเคอร์เรนซีคืออะไร และเรามีมุมมองอย่างไรต่อสิ่งนี้ 

 

แม้จะมีเหรียญต่างๆ เกิดขึ้นมามากมาย แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า เหรียญทุกเหรียญไม่ใช่สกุลเงินดิจิทัล การจะเข้าใจคริปโตเคอร์เรนซีมากขึ้น ทุกคนควรจะเข้าไปอ่าน White Paper (คล้ายกับหนังสือชี้ชวนการลงทุน) ของเหรียญต่างๆ เพราะแต่ละเหรียญก็มีลักษณะและคุณสมบัติแตกต่างกันออกไป  

 

ความเข้าใจถึงลักษณะที่แตกต่างกันจะเป็นตัวกำหนดแนวทางการลงทุนของเรา อย่างกรณีของบิตคอยน์ หากมองว่ามันคือ ‘ทองคำดิจิทัล (Digital Gold)’ อย่างที่ Ray Dalio เชื่อ เราก็อาจจะเลือกถือลงทุนระยะยาว คล้ายกับนักลงทุนวีไอ แต่กลับกันหากเรามองว่าบิตคอยน์ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็น ‘สกุลเงิน (Currency)’ ถ้าเป็นแบบนั้นโดยส่วนตัวก็คงจะไม่ซื้อบิตคอยน์ เพราะมองไม่ออกว่ามันจะเป็นได้อย่างไร 

 

“หากวัดจากการรับรู้โดยส่วนตัว ปัจจุบันคนส่วนใหญ่รู้จักบิตคอยน์จริงๆ น้อยมาก เพราะรู้แค่ราคาขึ้นหรือลง ซึ่งต้องระมัดระวัง” 

 

ขณะที่เอกลาภเชื่อว่า บิตคอยน์มีโอกาสจะก้าวขึ้นไปเป็น Digital Gold ในอนาคต หลังจากที่บริษัทใหญ่ๆ เริ่มให้ความเชื่อถือมากขึ้น ในฐานะสินทรัพย์ที่ใช้กระจายความเสี่ยง (Hedging) ซึ่งที่ผ่านมาก็มีบริษัทอย่าง MicroStrategy, Tesla รวมถึงกองทุนขนาดใหญ่อย่าง BlackRock เลือกที่จะถือบิตคอยน์แทนเงินสดในบางส่วน ซึ่งการเข้ามาของบริษัทเหล่านี้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดในวงกว้าง 

 

น่ากังวลแค่ไหนกับประเด็น ‘ฟองสบู่แตก’ 

 

จากการเข้ามาเก็งกำไรเป็นวงกว้างในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี จนผลักดันให้ราคาของเหรียญต่างๆ พุ่งขึ้นหลายเท่าตัว 

 

ในมุมของซีอีโอ บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) มองว่า ความสนใจต่อบิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซีเป็นเพราะภาวะ ‘ตลาดกระทิง’ ซึ่งราคาของเหรียญต่างๆ พุ่งขึ้นสูงมาก ทำให้คนเข้ามาเก็งกำไรกันค่อนข้างมาก อย่างลูกค้าของซิปเม็กซ์ในไทยราว 80-90% ก็เป็นลักษณะของการซื้อขาย มากกว่าถือลงทุนยาว 

 

ขณะที่นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทยชี้ให้เห็นว่า ที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นสินทรัพย์ตัวใดที่ราคาขึ้นเพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเตือนสำหรับผู้ที่หวังจะรวยเร็ว เพราะที่ผ่านมาคนสนใจบิตคอยน์ด้วย ‘ราคา’ แต่ไม่ได้สนใจเนื้อหา 

 

สิ่งที่จะทำให้เรารอดพ้นจากตลาดคือความรู้ การเข้ามาด้วยความอยากรวยเร็วเพียงอย่างเดียวเป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก ก่อนที่เราจะซื้อขายอะไร ควรจะรู้และเข้าใจบริบทของสิ่งนั้นก่อน

 

“เมื่อตลาดบูม ทุกอย่างสวยหรูไปหมด แต่ถ้าเคยผ่านช่วง ‘ตลาดหมี’ มาก่อน จะรู้ว่ามันโหดร้ายมากเช่นกัน ตอนนี้เราซื้อเหรียญไหนก็ขึ้นหมด และส่วนใหญ่ก็มักจะโชว์เฉพาะด้านที่ได้กำไร ซึ่งหากเราเข้าไปตามโดยไม่มีความรู้จะเป็นความเสี่ยงอย่างมาก” 

 

ขณะที่กวีวุฒิมองว่า ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีปัจจุบันเป็นการเก็งกำไรเยอะมาก ในขณะที่ตลาดยังเพิ่งเริ่มต้นทำให้ความผันผวนสูงมากเช่นกัน แต่หลังจากที่ผู้คนเริ่มยอมรับในวงกว้างจึงจะเริ่มเห็นราคานิ่งมากขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาอาจจะลองเข้าสู่ตลาดได้ แต่ยังไม่ควรผลีผลามจนเจ็บตัว และให้ความสำคัญกับเรื่องของการเรียนรู้ให้มาก 

 

อนาคตของบิตคอยน์ในประเทศไทย?

 

ปัจจุบันหน่วยงานกำกับเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลเริ่มเปิดกว้าง และให้ความสำคัญมากขึ้น ทำให้ Ecosystem ของการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเริ่มสมบูรณ์มากขึ้น 

 

อย่างกรณีที่ สำนักงาน ก.ล.ต. อนุญาตให้บริษัทหลักทรัพย์สามารถถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลได้แล้ว และในอนาคตก็น่าจะเห็นบริษัทต่างๆ เข้ามาถือครองมากขึ้น ทั้งนี้ กวีวุฒิมองว่าเกณฑ์ต่างๆ ในไทยค่อนข้างจะพร้อม แต่สุดท้ายต้องดูว่าคนทั่วไปจะพร้อมเมื่อใด ซึ่งเป็นเรื่องของประสบการณ์และความเข้าใจที่ต้องใช้เวลา 

 

ขณะเดียวกันจะเห็นว่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยมีการพูดถึงในวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะบนโลกออนไลน์ แต่ในอนาคตศุภกฤษฎ์บอกว่า การจะพูดแนะนำการซื้อขายโดยทั่วไปอาจจะทำไม่ได้แล้ว เพราะกำลังจะมีเรื่องของใบอนุญาตแนะนำการลงทุนเข้ามาเกี่ยวข้อง 

 

นอกจากนี้ สิ่งที่จะเห็นตามมามากขึ้นคือ รูปแบบของบริการต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงการยอมรับจากบริษัทต่างๆ ในไทย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ก.ล.ต. ได้อนุญาตให้บริษัทหลักทรัพย์สามารถถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลได้แล้วเช่นกัน 

 

ในมุมของเอกลาภ ซีอีโอของซิปเม็กซ์ ในฐานะเป็นแพลตฟอร์มให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลบอกว่า สิ่งสำคัญคือการช่วยให้ความรู้และความเข้าใจ พร้อมทั้งการช่วยให้คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่ายที่สุด หากทำได้ในลักษณะนี้ ก็จะช่วยให้สินทรัพย์ดิจิทัลเกิดการยอมรับในวงกว้างมากขึ้น 

 

รับชมเสวนาพิเศษจาก THE STANDARD WEALTH ฉบับเต็มได้ที่ 

 

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising