วันนี้ (16 ธันวาคม) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงชัยชนะของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และจะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งวันที่ 20 มกราคม 2568 เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47
คุณหญิงสุดารัตน์ประเมินว่า กรณีดังกล่าวแน่นอนว่าจะสร้างผลกระทบทางการเมืองและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะระเบียบการค้าของโลกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเห็นว่าในรัฐบาลทรัมป์ 2.0 ไทยจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงอย่างน้อย 3 ประการ คือ
- ความเสี่ยงแรก การขึ้นภาษีสินค้าจากประเทศไทย โดยทรัมป์ได้ประกาศไปก่อนหน้าว่า นอกจากประเทศจีน เม็กซิโก และแคนาดา เขายังมีแผนที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นๆ อีก 10-20% ที่สหรัฐฯ ขาดดุล ดังนั้นไทยอาจตกอยู่ในกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายดังกล่าว สหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย มีสัดส่วนถึง 18.05% ของการส่งออกทั้งหมด ซึ่งไทยก็เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มาโดยตลอด จึงเสี่ยงที่จะถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น
ดังนั้นการจะตัดสินใจขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยหรือไม่จึงขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐบาลสหรัฐฯ และการเจรจาทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศ จึงขอตั้งคำถามไปยังนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไทยว่า เตรียมการอย่างไร จะเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อไม่ให้สินค้าไทยต้องเสียภาษีสูงขึ้นในการส่งสินค้าเข้าไปขายในสหรัฐฯ อย่างไรที่ไทยจะไม่เสียเปรียบ
- ความเสี่ยงประการที่ 2 คือทรัมป์ประกาศอย่างชัดเจนว่าจะกีดกันสินค้าจากจีน โดยคาดการณ์ว่าอาจเตรียมขึ้นภาษี 20-60% ดังนั้นเมื่อสินค้าจากจีนเข้าไปขายในสหรัฐฯ ไม่ได้ แต่กำลังการผลิตจีนเหลือ จึงต้องการหาที่ระบายสินค้าออกไปยังต่างประเทศ ดังนั้นไทยจึงมีความเสี่ยงที่จะเผชิญปัญหา 2 ต่อ คือ สินค้าจีนจะทะลักเข้ามาเพิ่มขึ้นและสินค้าไทยจะเข้าไปขายในจีนก็ยากขึ้นด้วย
รัฐบาลไทยจะมีมาตรการอย่างไรในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อควบคุมสินค้านำเข้าให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการไทยต้องเสียเปรียบ รวมทั้งต้องเร่งเตรียมพร้อมให้ผู้ประกอบการไทย ทั้งเรื่องเงินทุน เทคโนโลยี และความรู้ ที่ต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าอะไรคือจุดแข็งของสินค้าไทยที่จะไปบุกตลาดจีนที่มีประชากรถึง 1.4 พันล้านคนได้ รัฐบาลต้องพลิกวิกฤตนี้ให้เป็นโอกาสของสินค้าไทยในการบุกตลาดทั้งของจีนและสหรัฐฯ
- ความเสี่ยงประการที่ 3 ตลาดโลกจะหดตัวลงจากมาตรการสงครามการค้าของสหรัฐฯ กระทบต่อเศรษฐกิจโลก ผนวกกับสงครามจริง เพราะฉะนั้นสินค้าไทยจะไปขายตลาดอื่นๆ ก็ไม่ง่าย รัฐบาลจะช่วยผู้ส่งออกไทยส่งสินค้าไปขยายตลาดใหม่ๆ อย่างไรบ้าง มีแผนและมาตรการแล้วหรือไม่
คุณหญิงสุดารัตน์ยังตั้งคำถามว่า รัฐบาลมีความพร้อมเพียงใด ขอให้รัฐบาลใส่ใจปัญหาที่กำลังจะมาถึงเหล่านี้อย่างจริงจัง และเร่งหามาตรการรับมือผลกระทบจากปรากฏการณ์รัฐบาลทรัมป์ 2.0 ที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างจริงจัง เพราะเรื่องเหล่านี้จำเป็นต้องเตรียมการล่วงหน้า หากขาดความพร้อม ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างหนัก ประกอบกับเศรษฐกิจในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ไม่ได้ผล ปี 2568 ก็อาจกลายเป็นปีที่ประเทศไทย พี่น้องคนไทย ต้องเผชิญกับความผันผวนและวิกฤตทางเศรษฐกิจที่หนักหน่วงที่สุดอีกครั้ง
