วันนี้ (5 ตุลาคม ) สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวก่อนประชุมถึงกรณีที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคพลังประชารัฐ เข้าร่วมงานวันคล้ายวันเกิด 64 ปีของ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคภูมิใจไทย ว่าสามารถไปร่วมงานครั้งนี้ได้ ในทางการเมืองเองก่อนหน้าตนเองก็เคยไปร่วมงานวันคล้ายวันเกิด วัน อยู่บำรุง ส.ส. กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย
แต่ต้องมีความชัดเจนว่าใครจะอยู่ตรงไหน หรือจะย้ายไปต่ออย่างไร ในอีกระยะน่าจะได้ทราบ แต่วันนี้ถือว่า ส.ส. ทุกคนยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐอยู่ ส่วน ส.ส. ที่ไปร่วมงานก็เป็นเพื่อน ในบางครั้งเราไม่สามารถที่จะไปบังคับการดำเนินชีวิตของแต่ละคนได้ เพราะแต่ละคนที่เข้ามาเป็น ส.ส. ต่างก็มีอุดมการณ์เป็นของตัวเอง เราเองเป็นผู้แทน เป็น ส.ส. เราก็มีอุดมการณ์ของเรา ควรปล่อยให้เป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัว สิ่งที่คนเป็นเพื่อนกันและไปร่วมแสดงความยินดีต่อกันนั้นก็ถือเป็นเรื่องปกติ ส่วนตัวไม่มองเป็นประเด็นทางการเมือง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการพูดคุยกับ ส.ส. ที่ไปร่วมงานวันคล้ายวันเกิดบ้างหรือยัง ท่าทีจะยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ สุชาติกล่าวว่า เวลาที่คุยกันทุกคนก็ยังยืนยันว่าอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ แต่ในอนาคตที่จะมีการเลือกตั้งในปีหน้านั้น เมื่อถึงเวลาทุกคนก็จะได้ทราบได้เห็นกันหมด ใครพร้อมที่จะเดินก้าวไปด้วยกัน หรือใครมีแนวทางและความคิดที่จะเดินไปในแนวทางอื่น ถือเป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มี ส.ส. จากพรรคพลังประชารัฐจำนวน 8 คนไปร่วมงานวันเกิดเนวิน คิดว่าเป็นเพราะกระแสพรรคในระยะหลังไม่ค่อยดีหรือไม่ สุชาติกล่าวว่า มุมมองของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สำหรับกระแสของพรรคพลังประชารัฐที่หลายคนมองว่าไม่ดีนั้น อาจจะเป็นแค่เรื่องการคิดเองเออเอง อุปโลกน์เอง หรือแค่ไปติดตามจากสื่ออีกช่องทางหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามพรรคพลังประชารัฐ
“หากติดตามการทำงานของพรรคพลังประชารัฐและหัวหน้าพรรคอย่าง พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประชาชนจะเห็นภาพสะท้อนว่าพรรคได้ทำอะไรมาหลายๆ อย่าง อย่างผมเองในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ก็ได้เสนอเรื่องสำคัญให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อดูแลประชาชน 10-20 ล้านคน ทั้งดูแลแรงงานนอกระบบ ไม่ใช่รัฐมนตรีจากพรรคพลังประชารัฐหรือกองทุนแรงงานนอกระบบ ดังนั้น ถ้าจะมาบอกว่ากระแสพรรคพลังประชารัฐไม่ดีหรือไม่ได้ทำอะไรเลย ถ้าจะให้เขียนบรรยาย 1 วันบรรยายจนไม่หมด” สุชาติกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการดัน พล.อ. ประวิตรในฐานะหัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชารัฐ สุชาติกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีการพูดคุยในมติพรรค ตนไม่สามารถแสดงความคิดเห็นส่วนตัวได้ อย่างที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวนั้นก็คล้ายๆ กัน หากพรรคเพื่อไทยส่งชื่อ นพ.ชลน่านเป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้เพราะความเป็นหัวหน้าพรรค แล้วพรรคเพื่อไทยส่ง นพ.ชลน่านเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่ ตามตรรกะเดียวกัน แต่ทุกอย่างไม่ได้อยู่บนตรรกะเดียวกัน ขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรค ความลงตัว และจังหวะเวลาทางการเมือง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคพลังประชารัฐควรเสนอชื่อผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 3 รายชื่อหรือไม่ สุชาติกล่าวว่า ตนไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ ขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรคจะพิจารณา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่เป็นแกนนำพรรคพลังประชารัฐ การเสนอชื่อผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีควรเสนอชื่อคนในพรรคอย่างเดียว หรือควรมีชื่อ พล.อ. ประยุทธ์ร่วมด้วย สุชาติกล่าวว่า ตามที่มีการตีความกันว่า พล.อ. ประยุทธ์จะสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ถึงปี 2568 เป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีการเสนอรายชื่ออันดับ 1 2 3 แต่ขณะนี้ยังไม่ควรที่จะมีการพูดว่าจะเสนอชื่อใครเป็นอันดับ 1 2 3 ควรจะให้เป็นมติของที่ประชุมพรรคดีกว่า
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงบทบาทภายในพรรคพลังประชารัฐของ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สุชาติกล่าวว่า พล.ต.อ. จักรทิพย์เข้ามาช่วยงานในพื้นที่โซนภาคอีสาน เพราะเป็นพื้นที่ที่พรรคพลังประชารัฐยังไม่แข็งแรง โดยไม่ได้เข้าไปยุ่งในพื้นที่อื่น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.อ. จักรทิพย์จะมีชื่อติด 1 ใน 3 ของผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ สุชาติกล่าวว่าเรื่องนี้ตนพูดไม่ได้ เพราะต้องเป็นมติพรรค ถ้าพูดไปก่อนจะเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก แต่ยืนยันในพรรคพลังประชารัฐยังไม่ได้พูดคุยกันถึงเรื่องนี้ แต่ยอมรับว่ามีการพูดคุยกับ ส.ส. บางส่วน พล.อ. ประยุทธ์กลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีอีกครั้ง หลายคนมีความสุข ตนเองก็ดีใจเพราะ พล.อ. ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตพรรคพลังประชารัฐ และวันนี้นายกฯ ที่เราเสนอได้กลับมา ทำให้ทุกคนมีพลังเดินต่อได้
