วันนี้ (12 กันยายน) พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ. โรเบิร์ต บี. บราวน์ ผู้บัญชาการกองทัพบกสหรัฐอเมริกา ภาคพื้นแปซิฟิก ร่วมพิธีส่งมอบยานเกราะล้อยางลำเลียงพลทหารราบ Stryke-RTA ICV ที่ยกเครื่องให้มีลักษณะจำเพาะสำหรับประเทศไทย
โดยกองทัพบกได้นำยานเกราะล้อยางสไตรเกอร์ จำนวน 4 คัน จากทั้งหมด 10 คัน ที่มาถึงประเทศไทยแล้ว เข้าร่วมโชว์ในพิธี ที่กองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนิน
ด้านผู้บัญชาการกองทัพบกสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิก เปิดเผยว่า ตนเองมีส่วนในการก่อตั้งหน่วยสไตรเกอร์ (Stryker) ในสหรัฐอเมริกา และได้ใช้งานจริงในสงครามอิรัก และตอบโจทย์ได้ในหลายภารกิจ การช่วยเหลือในสภาวะวิกฤต ความมั่นคงชายแดน ตนรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในพิธีวันนี้ ถือเป็นความร่วมมือในการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ที่มีมายาวนานกว่า 201 ปี ซึ่งสิ่งสำคัญที่จะทำให้ภูมิภาคเกิดความมั่นคงและมั่งคั่ง การส่งมอบยานเกราะล้อยางสไตรเกอร์ให้กับไทยถือเป็นความภาคภูมิใจ เพราะมีสมรรถนะที่ดีในการปกป้องและสามารถทำความเร็วได้
ส่วนขีดความสามารถของสไตรเกอร์ สามารถเป็นรถลำเลียงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บในการต่อสู้ เนื่องจากระบบมีความนิ่ม และยังมีความประหยัด ค่าใช้จ่ายน้อย ด้านการขับเคลื่อนเป็นแบบขับเคลื่อน 8 ล้อ รวมไปถึงยังเป็นการเสริมสร้างให้การทำงานระหว่างทั้ง 2 กองทัพนั้นดีขึ้น เนื่องจากมียุทโธปกรณ์ที่เหมือนกัน เช่น ในการฝึกคอบร้าโกลด์
งานในวันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญ เป็นการเสริมสร้างความทันสมัยให้กับกองทัพไทย โดยสไตรเกอร์ เป็นสัญลักษณ์ที่มองเห็นได้ในความมุ่งมั่นในความมั่นคงที่สหรัฐฯ และไทยมีต่อกัน นอกจากการประชุม IPACC และ IPAM ที่ผ่านมา ซึ่งทั้งหมดเพื่อภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เปิดกว้าง
สำหรับกองทัพบก มีแนวทางเสริมสร้างกองพลทหารราบที่ 11 เพื่อให้มีโครงสร้างการจัดหน่วยแบบกะทัดรัดมีความทันสมัยสอดคล้องกับหลักนิยมของกองทัพสหรัฐฯ รวมทั้งเพื่อให้เป็นกองพลหน่วยกำลังรบต้นแบบของกองทัพ ซึ่งมีการเปรียบเทียบการจัดหน่วยแบบกองพลน้อยของสหรัฐฯ (Brigade Combat Team: BCT) จึงได้เสนอความต้องการในการจัดหายานเกราะล้อยาง (Stryker RTA ICV Stryker: Royal Thai Army Infantry Carrier Vehicle) เพื่อสนับสนุนภารกิจปรับโอนหน่วยออกนอก กองทัพบก และภารกิจเสริมสร้างกองพลทหารราบที่ 11 จากสหรัฐฯ รวมทั้งสิ้นจำนวน 70 คัน เป็นการจัดหาโดยใช้งบประมาณการของรัฐบาลวงเงิน 2,860 ล้านบาท จำนวน 37 คัน และจัดหาโดยใช้งบประมาณของกองทัพบกวงเงิน 850 ล้านบาท จำนวน 10 คัน รวมเป็นงบประมาณกว่า 3,710 ล้านบาท
รวมถึงการช่วยเหลือจากทางกองทัพสหรัฐฯ อีกจำนวน 23 คัน พร้อมระบบอาวุธ การบริการสนับสนุนระบบส่งกำลังบำรุงแบบบูรณาการชิ้นส่วนซ่อม ควบคู่กับการฝึกศึกษาทั้งในและต่างประเทศ
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
