ถือเป็นอีกเรื่องราวสุดเซอร์ไพรส์ หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้ลดอัตรา ดอกเบี้ย นโยบาย 0.25% จาก 2.50% เป็น 2.25% โดยให้เหตุผลถึงการช่วยบรรเทาภาระหนี้ สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง และอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลงมาที่ระดับ 2.25% ยังคงอยู่ในระดับที่เป็นกลาง
วัฏจักรขาลงของดอกเบี้ยไทยเริ่มขึ้นแล้ว ดังนั้นในบทความนี้ผมจึงอยากชวนคุยถึงกลุ่มหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากการลด ดอกเบี้ย ของ กนง. แบบเจาะลึกลงรายละเอียด ไม่ใช่เฉพาะเชิงจิตวิทยากันครับ
กลุ่มการเงินคือกลุ่มแรกที่นักลงทุนจะนึกถึง เนื่องจากกลุ่มการเงินมีการระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้จำนวนมาก (แตกต่างจากธนาคารพาณิชย์ที่ระดมทุนผ่านเงินฝาก) ดังนั้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลงจึงส่งผลให้ดอกเบี้ยของการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ลดลงตามไปด้วย ผมจึงนำภาพแผนการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มการเงินมาให้ผู้อ่านได้เปรียบเทียบและเห็นภาพแผนการระดมทุนของบริษัทว่ามีมากน้อยเพียงใด ซึ่ง MTC, BAM, SAWAD และ KTC มีแผนออกหุ้นกู้ชุดใหม่มากกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ ใน 3-5 ปีข้างหน้า ดังนั้นหุ้นดังกล่าวจะได้รับประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย 25 bps หรือต้นทุนทางการเงินลดลงไป 0.25%
กลุ่มอสังหาริมทรัพย์คืออีกกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการลด ดอกเบี้ย เนื่องจากธนาคารพาณิชย์จะปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ หรือ MLR, MOR และ MRR ลงตาม อย่างไรก็ดีด้วยการลดดอกเบี้ยเพียง 25 bps ภาพดังกล่าวอาจยังไม่ชัดเจนมากนักในแง่ของการกระตุ้นการบริโภคอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้นผมจึงรวบรวมข้อมูลต้นทุนทางการเงิน หรือ D/E Ratio ของหุ้นกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อพิจารณาว่าหนี้ของบริษัทมีจำนวนมากน้อยเพียงใด เนื่องจากหากบริษัทมีหนี้สูง ดอกเบี้ยที่ลดลงจะช่วยให้บริษัทจ่ายหนี้น้อยลงตาม หากพิจารณาจากรูปภาพ SIRI, LH, ANAN, ORI และ SC คือหุ้นที่ได้ประโยชน์มากกว่า เนื่องจากมี D/E Ratio สูงกว่า
กลุ่มค้าปลีกคืออีกกลุ่มที่ได้ประโยชน์ทางอ้อม (Indirect Effect) จากการลดดอกเบี้ย เนื่องจาก Wealth Effect หรือเงินในกระเป๋าที่มีมากขึ้น และหากมองเจาะลึกไปในรายละเอียด ผมพบว่าหุ้นกลุ่มค้าปลีกไทยมีการกู้ยืมในรูปของเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate Loans) มากน้อยแตกต่างกัน ซึ่งบริษัทที่กู้ยืมด้วยอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูงจะได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยมากกว่า เพราะต้นทุนทางการเงินจะปรับลดลง 0.25% ไปโดยปริยาย ดังนั้น GLOBAL, CRC, DOHOME และ BJC จึงได้ประโยชน์กว่า CPALL และ CPAXT ในมุมมองของการลดดอกเบี้ย
สิ่งที่ผมอยากจะฝากถึงผู้อ่านจากประเด็น ‘การเงินคู่การคลัง’ หรือ ‘กนง. ลดดอกเบี้ย’ ก็คือแม้ภาพรวม SET Index และหุ้นกลุ่มการเงิน อสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก จะปรับตัวบวกกันถ้วนหน้า แต่จริงๆ แล้วในรายละเอียดหรือเชิงพื้นฐาน หุ้นแต่ละตัวได้รับประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยไม่เท่ากัน
ดังนั้นในฐานะนักกลยุทธ์การลงทุน นักเศรษฐศาสตร์เชิงมหภาค ผมจึงต้องแยกระหว่างจิตวิทยาที่ส่งต่อราคาหุ้นกับพื้นฐานของหุ้นตัวนั้นๆ ให้ผู้อ่านเห็นถึงข้อแตกต่าง ดั่งคำกล่าวที่ว่า “The devil is in the details.”
แผนการออกหุ้นกู้ของหุ้นกลุ่มการเงิน
อัตราส่วน D/E ของหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
สัดส่วนของการกู้ยืมในรูปของอัตราดอกเบี้ยลอยตัวของหุ้นกลุ่มค้าปลีก
อ้างอิง:
- CGS International, CGSI Estimates, CGSI Macro & Wealth Research, CGSI Quantitative Team