×

บุกบ้าน Stiebel Eltron แบรนด์ผู้นำเทคโนโลยีจัดการน้ำและพลังงานจากเยอรมนี กับแผนดันไทยเป็นฮับส่งออกผลิตภัณฑ์ในอาเซียน

13.08.2019
  • LOADING...
Stiebel Eltron

HIGHLIGHTS

8 MINS. READ
  • THE STANDARD เยี่ยมชมโรงงานของ Stiebel Eltron ในเยอรมนี แบรนด์ซึ่งได้รับการยอมรับไปทั่วโลกในเรื่องคุณภาพและการเป็นผู้นำเทคโนโลยีการจัดการน้ำและพลังงานของโลกที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม 
  • คนไทยรู้จักแบรนด์ Stiebel Eltron ดีจากผลิตภัณฑ์เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องกรองน้ำ และเครื่องระบายอากาศ ขณะที่บริษัทตั้งเป้าพัฒนาระบบการเชื่อมต่อถึงกันในผลิตภัณฑ์ทั้งหมดเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคสมาร์ทโฮม
  • Stiebel Eltron เตรียมดันไทยเป็นฮับส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังตลาดอาเซียนและออสเตรเลีย โดยผู้บริหารมองว่าไทยมีศักยภาพสูงในการเป็นฐาน R&D ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคท้องถิ่น รวมถึงสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

หากพูดถึงแบรนด์เยอรมนีที่ทรงพลังและมีมาตรฐานคุณภาพเป็นยอมรับของผู้คนทั่วโลกแล้ว แน่นอนว่าชื่อของ Stiebel Eltron ติดอันดับต้นๆ อย่างไม่ต้องสงสัย เรียกได้ว่าถ้านึกถึงผลิตภัณฑ์เครื่องกรองน้ำ เครื่องทำน้ำอุ่น หรือเครื่องระบายอากาศ Stiebel Eltron จะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในลิสต์รายชื่อเมื่อคุณเดินเข้าห้างอย่างแน่นอน

 

อาจกล่าวได้ว่าหัวใจความสำเร็จของแบรนด์คือ ‘นวัตกรรม’ ที่เป็นพลังขับเคลื่อนให้บริษัทก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงตลอดระยะเวลากว่า 90 ปี นับตั้งแต่ ดร.ธีโอดอร์ สตีเบล ก่อตั้งบริษัทขึ้น ความไม่หยุดนิ่งในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ บวกกับความใส่ใจสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างคุ้มค่าและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้แบรนด์มีความโดดเด่นและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ จนติดตลาดและครองใจผู้บริโภคทั่วโลก

 

Stiebel Eltron

 

THE STANDARD ได้มีโอกาสบุกบ้านของ Stiebel Eltron ในโฮลซ์มินเดิน เมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบในประเทศเยอรมนี แต่เป็นต้นทางของเทคโนโลยีจัดการน้ำและพลังงานภายในอาคารที่ทันสมัยที่สุดในโลก

 

เยี่ยม Energy Campus แหล่งพลังขับเคลื่อนของ Stiebel Eltron

อเล็กซานเดอร์ ไคลน์ เจ้าหน้าที่ดูแล Energy Campus ของ Stiebel Eltron ในโฮลซ์มินเดิน พาเราเดินชมรอบๆ อาคารปฏิบัติการและโรงงานภายในแคมปัส ซึ่งประกอบด้วยศูนย์การเรียนรู้ ศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) ไปจนถึงสายการผลิตผลิตภัณฑ์ชนิดต่างๆ แบบครบวงจร ซึ่งที่นี่เป็นต้นทางของผลิตภัณฑ์บางส่วนก่อนนำสินค้ากระจายออกสู่ท้องตลาดทั่วโลก

 

ไคลน์ทำงานกับ Stiebel Eltron มานาน 17 ปี เขาพูดถึงความสำคัญและเหตุผลที่บริษัทสร้างแคมปัสใหม่แห่งนี้ว่าเพื่อใช้เป็นศูนย์ฝึกอบรม (Training) และเวทีแสดงศักยภาพทางเทคโนโลยีว่า Stiebel Eltron กำลังทำอะไรและสามารถทำอะไรได้บ้าง ซึ่งที่ผ่านมามีกลุ่มผู้ประกอบการจากต่างประเทศเดินทางมาศึกษาดูงานและฝึกอบรมเป็นจำนวนมาก โดยในแต่ละปีมีผู้คนมาที่นี่เฉลี่ย 15,000 คน แบ่งเป็นชาวต่างชาติ 40% และชาวเยอรมัน 60%  

 

Stiebel Eltron

 

เราถามถึงสิ่งที่สามารถเรียนรู้จาก Energy Campus แห่งนี้ ซึ่งไคลน์บอกว่าตัวอาคารแคมปัสของ Stiebel Eltron ให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานอย่างเต็มประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้มาตรฐาน DGNB ของเยอรมนี (German Sustainable Building Council) จนคว้ารางวัลอาคารที่มีความยั่งยืนมาแล้ว ซึ่งเป็นเครื่องการันตีอย่างดี

 

เขายังเล่าถึงการสร้างแคมปัสที่ต้องใส่ใจในทุกรายละเอียดตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุโลคัลเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมท้องถิ่น และลดการใช้เชื้อเพลิงจากการขนส่งระยะทางไกล และการรีไซเคิลอะลูมิเนียม ฯลฯ

 

ที่นี่ยังให้ความสำคัญกับการนำหุ่นยนต์มาใช้ในกระบวนการผลิต ท่ามกลางความท้าทายในยุคที่หุ่นยนต์กำลังเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ในหลายภาคอุตสาหกรรม ไคลน์บอกว่าค่าแรงในเยอรมนีค่อนข้างสูงมาก ดังนั้นจึงนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในโรงงานโดยปล่อยให้หุ่นยนต์ทำงานแบบง่ายๆ แทน ขณะเดียวกันก็ให้คนดูโปรแกรมหรืองานที่มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น เพราะการให้คนงานนั่งดัดหรือขึ้นรูปส่วนประกอบวันละ 8 ชั่วโมงถือเป็นงานน่าเบื่อ แต่ทุกวันนี้บริษัทใช้แรงงานคนเท่าเดิม แต่รูปแบบงานที่ทำแตกต่างออกไป เช่น ให้คนคอยดูความผิดปกติของการทำงานของหุ่นยนต์และเครื่องจักรแทน

 

ขณะเดินทัวร์ เจ้าหน้าที่พาชมกระบวนการผลิตสินค้าต่างๆ ตั้งแต่การขึ้นรูปไปจนถึงการบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเราได้เห็นผลิตภัณฑ์หลักๆ ของแบรนด์นี้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องระบายอากาศ เครื่องกรองน้ำ และเครื่องทำน้ำอุ่น

 

แต่จริงๆ แล้ว Stiebel Eltron ไม่ใช่แค่แบรนด์เครื่องทำน้ำอุ่นที่ติดตามฝาผนังห้องน้ำตามที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักหรือคุ้นเคยเท่านั้น แต่แบรนด์นี้ยังเป็นผู้นำเทคโนโลยีฮีตปั๊ม (Heat Pump) ของโลก ถ้าคุณเปิดก๊อกน้ำตามรีสอร์ต โรงแรม หรือตามอาคารใหญ่ๆ แล้วสงสัยว่าน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนมาจากไหน มันมาจากเครื่องฮีตปั๊มที่มีคอมเพรสเซอร์ดึงความร้อนจากอากาศภายนอกมาถ่ายเทความร้อนให้กับน้ำ ก่อนที่จะจ่ายน้ำไปตามท่อให้กับผู้ใช้นั่นเอง

 

สำหรับ Stiebel Eltron ฮีตปั๊มถือเป็นผลิตภัณฑ์เรือธง ซึ่งทางบริษัทหมายมั่นว่าจะดันไทยเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าฮีตปั๊มสู่ตลาดอาเซียน ออสเตรเลีย รวมถึงจีน โดยบริษัทได้เปิดโรงงานแห่งที่ 2 ในเขตบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อใช้เป็นฐานผลิตและส่งออกฮีตปั๊มที่สำคัญ

 

ดันไทยเป็นศูนย์กลางผลิตและส่งออกฮีตปั๊มสู่ตลาดอาเซียน-ออสเตรเลีย

ไค บรูสไดลิน กล่าวถึงเป้าหมายการสร้างโรงงานแห่งที่ 2 ในไทยภายในนิคมอุตสาหกรรมเดียวกันว่า เพื่อผลักดันให้โรงงานดังกล่าวสามารถผลิตเครื่องทำน้ำอุ่นและฮีตปั๊มตั้งแต่ต้นจนจบภายใน 3 ปีข้างหน้าด้วยกำลังการผลิตสูงสุด 200,000 เครื่องต่อวัน

 

โดยก่อนหน้านี้สินค้า Stiebel Eltron ประเภทฮีตปั๊มจะนำเข้าจากเยอรมนีและสโลวาเกีย ซึ่งเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของบริษัทในยุโรป

 

ซึ่งการตั้งโรงงานผลิตเต็มรูปแบบในไทยนั้นจะสร้างโอกาสในการผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในท้องถิ่นได้ นอกจากนี้ยังสร้างงานให้กับคนไทย โดยโรงงานแห่งใหม่จ้างพนักงานในส่วนต่างๆ เพิ่ม 60-70 คน

 

สำหรับเป้าหมายใหญ่ของโรงงานแห่งนี้คือเป็นฐานผลิตและส่งออกฮีตปั๊มรวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ไปสู่ตลาดออสเตรเลียและอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อมากและมีศักยภาพสูง

 

Stiebel Eltron

 

ISH 2019: โชว์เคสนวัตกรรมเทคโนโลยีจัดการน้ำและพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ระหว่างทริปเรามีโอกาสเข้าชมงาน ISH 2019 ที่เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ซึ่งเป็นมหกรรมเทรดแฟร์เกี่ยวกับการจัดการน้ำและพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยแบรนด์ยักษ์ใหญ่ในยุโรปใช้เวทีนี้ในการประชันเทคโนโลยีเครื่องปรับอากาศ ระบบบ้านอัจฉริยะ ตลอดจนระบบทำความร้อนที่ยั่งยืนสำหรับห้องน้ำยุคใหม่ ซึ่งบูธของ Stiebel Eltron เป็นหนึ่งในบูธที่โดดเด่นที่สุดของฮอลล์ โดยมีการขนผลิตภัณฑ์ระดับเรือธงรุ่นใหม่ๆ มาจัดแสดงอย่างครบครัน

 

ทีมงาน Stiebel Eltron เล่าให้เราฟังถึงคอนเซปต์การจัดบูธปีนี้ว่าแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ หมวดพลังงานทดแทน ระบบทำความร้อนในห้อง และฮีตเตอร์น้ำ ซึ่งทั้งหมดจัดในรูปแบบที่สร้างปฏิสัมพันธ์ให้ผู้เข้าชมได้มีส่วนร่วม เพื่อเพิ่มความสะดวกในการค้นหาผลิตภัณฑ์หรือแสดงสิ่งที่เรามีและสิ่งที่พวกเขาต้องการ

 

ส่วนความแตกต่างเมื่อเทียบกับงานเมื่อ 2 ปีที่แล้วนั้น ปีนี้ถือว่าบูธใหญ่กว่ามาก รวมพื้นที่ประมาณ 300 ตารางเมตร และมีการลงทุนจัดงานสูงถึง 2 ล้านยูโร 

 

เมื่อถามถึงคู่แข่งหลักของ Stiebel Eltron นั้น บรูสไดลินบอกว่าถ้านับเฉพาะตลาดฮีตปั๊ม ถือว่าแบรนด์ Vaillant Fachhandler เป็นคู่แข่งสำคัญของ Stiebel Eltron ในยุโรป

 

Stiebel Eltron

 

ภายในบูธเรายังได้พูดคุยกับ ดร.นิโคลัส แมตเทน กรรมการผู้จัดการฝ่ายขาย การตลาด และการเงินของ Stiebel Eltron (เยอรมนี) ซึ่งกล่าวถึงแนวทางการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคว่า บริษัทมีการสร้างอินเตอร์เฟซสำหรับโซลูชันสมาร์ทโฮมเพื่อให้ใช้งานง่ายและสามารถควบคุมอุปกรณ์จัดการน้ำและพลังงานจากนอกบ้าน โดย Stiebel Eltron เชื่อว่าในอนาคตอุปกรณ์ทุกอย่างจะเชื่อมต่อถึงกันทั้งหมด ไม่เพียงแต่ช่วยให้สะดวกสบายเท่านั้น แต่สมาร์ทโฮมยุคใหม่ต้องตอบโจทย์เรื่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วย ซึ่ง Stiebel Eltron แสดงให้เห็นว่าได้พัฒนาระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและสูญเสียพลังงานน้อยที่สุด

 

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ 50% ของ Stiebel Eltron มีระบบการเชื่อมต่อ เช่น ฮีตปั๊มที่มีอุปกรณ์ควบคุมที่ต่อกับอินเทอร์เน็ตและแลนไร้สายได้

 

ส่วนแผนธุรกิจในอีก 3 ปีข้างหน้านั้น ทางแบรนด์กำลังดูว่ามีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่จะสามารถสร้างผลกำไรให้กับบริษัทเพิ่มได้บ้าง แต่ยังเน้นการทำตลาดฮีตปั๊มเป็นหลัก ซึ่งคาดว่าหลังจากที่โรงงานในไทยสามารถผลิตฮีตปั๊มได้แล้วจะเป็นฐานกระจายสินค้าในประเทศ รวมถึงเป็นฐานส่งออกไปยังตลาดอินเดียและออสเตรเลียด้วย

 

ขณะที่บริษัทมีแผนขยายทีมและเพิ่มการลงทุนในศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ รวมถึงสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในไทยและจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของ Stiebel Eltron ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทั้งคู่ ซึ่งแม้ว่ายอดขายหรืออัตราการเติบโตจะยังเทียบกับยุโรปไม่ได้ แต่ไทยถือเป็นฐานธุรกิจในต่างประเทศที่สำคัญของ Stiebel Eltron

 

เมื่อเปรียบเทียบกันระหว่างตลาดไทยและจีนแล้ว จีนมีขนาดตลาดที่ใหญ่กว่า มีความต้องการผลิตภัณฑ์ฮีตปั๊มมากกว่า เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวกว่า นอกจากนี้ขอบเขตของผลิตภัณฑ์ที่บริษัทจำหน่ายในจีนก็มีมากกว่า ดังนั้นจึงสร้างโอกาสมากกว่า แต่ในไทยไม่มีคู่แข่งที่เป็นแบรนด์โลคัล ขณะที่จีนและญี่ปุ่นมีผู้ผลิตฮีตปั๊มท้องถิ่นอยู่จำนวนหนึ่ง 

 

อีกข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของ Stiebel Eltron ในตลาดไทยคือแบรนด์หรือวิศวกรรมของเยอรมนีเป็นที่ยอมรับในเรื่องมาตรฐานคุณภาพอยู่แล้ว สิ่งนี้ถือเป็นดีเอ็นเออย่างหนึ่งของแบรนด์เยอรมนี

 

บริษัทยังมีเป้าหมายให้โรงงานในต่างประเทศ เช่น ไทยและจีน สามารถวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้เองในท้ายที่สุด 

 

เมื่อถามถึงความสำเร็จในแง่ส่วนแบ่งตลาด ดร.แมตเทนตอบว่าปี 2018 ถือเป็นปีที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จด้วยยอดขายสูงที่สุดในรอบ 95 ปีของบริษัท และมีอัตราการเติบโตสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา

 

Stiebel Eltron

 

สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปี 2019 นั้น ดร.คลอส โครลล์-ชลูเตอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาด กล่าวเสริมว่าเราจะโฟกัสไปที่กลุ่มเป้าหมายที่มีความหลากหลายเพื่อทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและชื่นชอบมากขึ้น 

 

สำหรับนวัตกรรมใหม่ๆ ในด้านผลิตภัณฑ์และบริการที่ผู้ประกอบการคาดหวังว่าจะได้เห็นจาก Stiebel Eltron นั้น ดร.แมตเทนเผยว่าบริษัทจะโฟกัสไปที่ระบบดิจิทัลเป็นหลัก เช่น การเชื่อมต่อของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้ครอบคลุม รวมถึงการจัดการพลังงาน และวิธีการสื่อสารกับผู้ใช้ผ่านทางแอปพลิเคชัน บริการออนไลน์ และการตรวจวินิจฉัยปัญหาต่างๆ

 

ในส่วนของความท้าทายและโอกาสเติบโตของแบรนด์ Stiebel Eltron ในระดับโลกนั้น ผู้บริหารมองว่าเทรนด์โลกที่หันมาใส่ใจกับการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้นได้สร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับ Stiebel Eltron อย่างมาก

 

กระแสรักษ์โลกกำลังมา ทั่วโลกกำลังตระหนักถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และรณรงค์ให้ช่วยกันออกมาตรการลดโลกร้อนทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งก็ได้กลายเป็นพันธกรณีของบริษัทในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจกด้วย

 

ขณะที่ ดร.โครลล์-ชลูเตอร์กล่าวเสริมว่ารัฐบาลกำลังให้ความสำคัญกับพลังงานทดแทนในอาคารเพื่อลดคาร์บอนและการใช้แบตเตอรี่ ดังนั้นฮีตปั๊มและระบบระบายอากาศจึงตอบโจทย์และสร้างโอกาสให้กับแบรนด์มากขึ้น 

 

แต่ใช่ว่าแบรนด์จะมีศักยภาพการเติบโตในทุกประเทศ เพราะแต่ละตลาดมีความแตกต่างกัน มีกำลังซื้อต่างกัน ความต้องการต่างกัน แต่กระนั้นก็มีแนวโน้มที่ผู้บริโภคจะซื้อแบรนด์ที่มีคุณภาพและสินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น

 

นอกจากนี้ดร.แมตเทนยังมองความท้าทายของบริษัทว่าต้องคงความสามารถในการแข่งขันได้อยู่เสมอ เพราะในแต่ละวันอาจมีผู้เล่นรายใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นบทพิสูจน์ของ Stiebel Eltron แต่เขาเชื่อว่าการแข่งขันจะนำไปสู่ผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีกว่าเสมอ

 

ก่อนจบทริปเรายังได้พูดคุยกับ โรแลนด์ โฮห์น กรรมการผู้จัดการ Stiebel Eltron Asia ซึ่งเป็นผู้บริหารที่ดูภาพรวมการดำเนินงานในไทยเพื่อให้เห็นภาพโมเดลธุรกิจในไทยที่ชัดขึ้น

 

เมื่อถามถึงโอกาสทางธุรกิจในตลาดเกิดใหม่อย่างไทยนั้น โฮห์นบอกว่าอันที่จริงแล้วไทยไม่ใช่ Emerging Market สำหรับ Stiebel Eltron อีกต่อไป เพราะเป็นมาแล้ว 20 ปี หากแต่เป็นตลาดที่พัฒนาแล้ว โดยเยอรมนีถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของบริษัท รองลงมาเป็นสวิตเซอร์แลนด์และไทยที่ตีคู่กัน

 

การที่ไทยเป็นเบอร์ 2 ได้เพราะบริษัทสามารถขายผลิตภัณฑ์ฮีตปั๊มและเครื่องทำน้ำอุ่นได้มาก เพราะคนไทยชอบอาบน้ำอุ่นที่อุณหภูมิเฉลี่ย 38 องศาเซลเซียส แม้ว่าไทยจะเป็นประเทศที่อากาศร้อน แต่ความต้องการน้ำอุ่นมีสูง ซึ่งสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับเราได้เสมอ

 

ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว น้ำอุ่นไม่ใช่สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการเป็นอันดับต้นๆ แต่เป็นเครื่องปรับอากาศและทีวี ต่อมาเครื่องทำน้ำอุ่นเริ่มเป็นที่นิยมแพร่หลายมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป สืบเนื่องจากฐานะการเงินที่ดีขึ้น ซึ่งทำให้มีกำลังซื้อมากขึ้น

 

แต่ตลาดในไทยอาจถึงจุดอิ่มตัวในอนาคตจากการที่ผู้บริโภคมีเครื่องทำน้ำอุ่นและเครื่องทำน้ำร้อนใช้กันหมดแล้ว ดังนั้นบริษัทจึงมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในประเทศที่อยู่รอบๆ ไทย เช่น เมียนมา มาเลเซีย และเวียดนาม ซึ่งมาเลเซียนั้นโฮห์นมองว่าเป็นตลาดที่ค่อนข้างท้าทายและยากสำหรับ Stiebel Eltron เพราะมีแบรนด์อื่นๆ ที่ตั้งโรงงานผลิตในมาเลเซียมากมาย

 

นอกจากนี้แบรนด์ยังให้ความสำคัญกับการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งนำไปสู่แผนจัดตั้งศูนย์ R&D ในประเทศไทย เพื่อให้สามารถผลิตสินค้าหลักอย่างฮีตปั๊มได้ด้วยตัวเอง แทนที่จะนำเข้าจากเยอรมนีเหมือนแต่ก่อน

 

สำหรับมูลค่าการลงทุนในด้าน R&D โดยรวมนั้น โฮห์นเผยว่ามีสัดส่วน 10% ของทุนดำเนินงาน ส่วนศูนย์ R&D ในไทยจะสร้างงานให้กับคนไทยเพิ่มขึ้น โดยเบื้องต้นจะจ้างพนักงานอย่างน้อย 12 ตำแหน่ง แบ่งเป็นแผนกแล็บ แผนกสุ่มตัวอย่าง และแผนกพัฒนาผลิตภัณฑ์

 

ส่วนแผนลงทุนในอนาคตนั้น Stiebel Eltron ได้ซื้อโรงงานแห่งที่ 2 ในนิคมบางปะอิน ซึ่งอยู่ถัดจากโรงงานแห่งแรกก่อนจะมารีโนเวตใหม่ ซึ่งเมื่อพร้อมผลิตสินค้าเต็มกำลังแล้ว Stiebel Eltron ตั้งเป้าว่าสเตปแรกจะดันไทยเป็นฮับส่งออกเครื่องทำน้ำอุ่น ส่วนสเตปที่ 2 จะผลิตและส่งออกฮีตปั๊มในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย

 

เหตุผลที่เลือกไทยนั้นเพราะมีที่ตั้งตามภูมิศาสตร์ที่ดีมาก เหมาะกับการเป็นศูนย์กลางส่งออกเพื่อกระจายสินค้า นอกจากนี้ไทยยังมีอัตราการเติบโตที่ประสบความสำเร็จ มีระบบนิเวศที่ดีทั้งในเรื่องแรงงานและกฎหมาย ซึ่ง Stiebel Eltron หวังว่าจะปักหลักทำธุรกิจที่นี่อีกเป็นเวลานาน ส่วนโฟกัสถัดไปของบริษัทอาจขยับขยายไปที่ฟิลิปปินส์ เมียนมา และเวียดนาม

 

เมื่อถามถึงสงครามการค้าที่กำลังร้อนระอุในขณะนี้ว่าจะส่งผลกระทบต่อยอดขายหรือการดำเนินงานของ Stiebel Eltron หรือไม่ โฮห์นตอบว่าอาจได้รับผลกระทบทางอ้อม แต่ที่ผ่านมายังไม่เกิดปัญหาในไทยและเยอรมนี เพราะหลักๆ แล้วผลกระทบจะเกิดกับสหรัฐฯ และจีนที่เป็นคู่ค้า ดังนั้นการส่งออกผลิตภัณฑ์จึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก

 

น่าสนใจว่าการที่ไทยถูกมองเป็นฐาน R&D และตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสำหรับ Stiebel Eltron ถือเป็นการสร้างโอกาสให้คนไทยได้เรียนรู้เทคโนโลยีการจัดการน้ำและพลังงานมากขึ้น ท่ามกลางกระแสโลกยุคใหม่ที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานทดแทนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ขณะเดียวกันการดันไทยเป็นฐานส่งออกยังช่วยกระตุ้นการค้าระหว่างประเทศ ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าที่อาจฉุดเศรษฐกิจชะลอตัว 

 

สำหรับ Stiebel Eltron แล้ว การได้เปิดตลาดใหม่ๆ ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น และเพิ่มโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่นวัตกรรมใหม่ๆ ที่สร้างแบรนด์จนเข้มแข็งเท่านั้น 

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง: Stiebel Eltron

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising