Steve Hanke ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาเศรษฐศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์ มองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า ซึ่งไม่ได้เป็นผลมาจากการขึ้นดอกเบี้ย
“เราจะเผชิญกับ Recession เพราะมีช่วงเวลาถึง 5 เดือน ที่ปริมาณเงิน M2 เติบโตชะลอลง ขณะที่ Fed ไม่แม้แต่จะสนใจมัน” Steve กล่าวกับ CNBC
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ภาวะ เศรษฐกิจถดถอย อาจอยู่ใกล้กว่าที่คิด เปิดกลยุทธ์รับมือเน้น Predict-Prepare-Perform
- วิเคราะห์ 5 สัญญาณ บ่งชี้ เงินเฟ้อ โลกใกล้ถึงจุดพีค
- 10 อันดับ สกุลเงินเอเชีย ที่อ่อนค่าสูงสุดนับจากต้นปี 2565
ปริมาณเงิน M2 หมายถึงเงินในความหมายอย่างกว้าง หรือเงินที่รวมทั้งส่วนที่หมุนเวียนอยู่ในมือประชาชน อย่าง ธนบัตร เหรียญกษาปณ์ เงินฝากกระแสรายวัน รวมกับเงินฝากประจำและออมทรัพย์ในระบบธนาคาร ขณะที่หน่วยงานกำกับมักจะใช้ปริมาณเงิน M2 เพื่อเป็นตัววัดถึงอุปทานเงินในระบบ และเงินเฟ้อในอนาคต
ช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ปริมาณเงินในระบบไม่ได้เพิ่มขึ้น ซึ่งนั่นมักจะนำไปสู่การชะลอตัวของเศรษฐกิจ
“เรากำลังจะเผชิญกับ Recession ครั้งใหญ่ในปี 2023” Steve กล่าว
ขณะที่เงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องไปถึงปี 2023 หรือปี 2024 เพราะก่อนหน้านี้ปริมาณเงินในระบบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และจากสถิติในอดีตไม่เคยมีสถานการณ์ที่เงินเฟ้อคงอยู่นาน โดยที่ไม่ก่อให้เกิดเงินส่วนเกินในระบบ
ในท้ายที่สุด เราจะเผชิญกับภาวะ Stagflation เรากำลังเผชิญกับเงินเฟ้อเพราะเงินส่วนเกินที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่โควิดเริ่มแพร่ระบาด ก่อนที่เงินเหล่านี้จะไหลเข้าสู่ระบบ แต่ปัญหาคือ เจอโรม พาวเวลล์ ไม่ได้เข้าใจว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกิดเงินเฟ้อในตอนนี้และก่อนหน้านี้
“พาวเวลล์ยังคงพูดถึงเงินเฟ้อจากฝั่งอุปทาน เขาไม่ได้บอกเราว่าเงินเฟ้อจะเกิดจากการที่เงินส่วนเกินเพิ่มขึ้นในระบบเสมอ หรือก็คือเมื่อเริ่มพิมพ์เงินออกมา”
ทั้งนี้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ กล่าวในการประชุมเศรษฐกิจ Jackson Hole ที่ผ่านมาเมื่อวันศุกร์ (26 สิงหาคม) ว่า เงินเฟ้อระดับสูงในสหรัฐฯ เป็นผลจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก พร้อมกับอุปทานที่ยังถูกจำกัดอยู่
อ้างอิง: