นายสตีเฟน แพดด็อก (Stephen Paddock) ชายผิวขาวสัญชาติอเมริกัน วัย 64 ปี ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยลงมือก่อเหตุสะเทือนขวัญกราดยิงใส่บรรดาผู้เข้าร่วมงานเทศกาลดนตรีแนวคันทรีในเมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา เมื่อคืนนี้ เวลาประมาณ 22.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนที่เขาจะเลือกปลิดชีวิตของตัวเองภายในห้องพักบนชั้น 32 ของโรงแรมมัณฑะเลย์ เบย์ ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าเป็นสถานที่ที่เขาใช้ลงมือก่อเหตุดังกล่าว เป็นเหตุให้มีจำนวนยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นถึง 59 คน และมียอดผู้บาดเจ็บที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลกว่า 527 คนแล้ว นับเป็นโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ในช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา
คำบอกเล่าจากคนรอบข้าง
ดูเหมือนว่าประวัติและคำให้การของคนรอบข้างนายสตีเฟนกำลังกลายเป็นเบาะแสสำคัญที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคลี่คลายคดีสะเทือนขวัญในครั้งนี้ลงได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
คนแรกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปพบเพื่อสอบถามข้อมูลคือ นายอีริก แพดด็อก (Eric Paddock) น้องชายของนายสตีเฟน ผู้ต้องสงสัยที่ลงมือก่อเหตุสะเทือนขวัญกราดยิงผู้คนในเทศกาลดนตรีในลาสเวกัสเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น โดยนายอีริกเผยว่าพี่ชายของเขาเป็นนักเสี่ยงโชคมือฉมังที่ไม่ได้ฝักใฝ่กลุ่มทางการเมืองหรือศาสนาใดเป็นพิเศษอย่างชัดเจน เขาเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ชอบไปไหนมาไหนคนเดียว ทำอะไรคนเดียว
“ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอนที่พี่ชายของผมจะกราดยิงผู้คน โดยเฉพาะคนที่เขาไม่รู้จัก ต้องมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้นกับพี่ชายของผม”
อีริกทราบว่าพี่ชายของเขาชอบสะสมอาวุธปืน และลูกๆ ของเขาต่างก็เคยไปยิงเป้าบินกับลุงสตีเฟน แต่เขาไม่ทราบมาก่อนเลยว่านายสตีเฟนจะเป็นมือสังหาร ซึ่งเขายอมรับถึงระยะห่างของความสัมพันธ์ที่ตัวเขามีต่อพี่ชาย ซึ่งมักจะได้พูดคุยกันเพียงในบางโอกาสเท่านั้น
เขายังกล่าวอีกว่า พี่ชายของเขาเป็นนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จ เป็นเจ้าของอพาร์ตเมนต์และบ้านพักหลายแห่งในสหรัฐฯ รวมถึงเคยได้รับใบอนุญาตขับขี่เครื่องบินจากทางการสหรัฐฯ
เนื่องจากว่านายสตีเฟนไม่มีลูก จึงทำให้เขาไปไหนมาไหนได้ตามที่ต้องการ นายสตีเฟนเคยแต่งงานและหย่าร้างมาแล้วถึง 2 ครั้ง เมื่อปี 1977-1979 และปี 1985-1990 โดยเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าภรรยาคนที่ 2 ของเขาที่อาศัยอยู่ที่เมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ไม่เคยติดต่อกับนายสตีเฟนอีกเลยหลังจากที่ทั้งคู่หย่าร้างกันไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจตามสืบประวัติของนายสตีเฟนอย่างละเอียด รวมถึงประวัติการซื้ออาวุธที่ถูกตรวจพบภายในห้องพักบนชั้น 32 และบ้านพักของเขาในเมืองเมสกีตกว่า 42 กระบอก พร้อมทั้งระเบิดและลูกกระสุนอีกหลายพันนัด ซึ่งอาวุธปืนส่วนใหญ่ได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามเจ้าของร้านขายปืนและกีตาร์ในเมืองเมสกีตที่ขายอาวุธให้แก่นายสตีเฟน โดยเขาเผยว่า “นายสตีเฟนไม่เคยแสดงอาการหรือมีลักษณะที่ป่วย (ทางจิต) เลยแม้แต่น้อย”
จากเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทำให้ประเด็นเรื่องการอนุญาตให้ชาวอเมริกันมีสิทธิ์ครอบครองอาวุธปืนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายกำลังกลายเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง ซึ่งหลายฝ่ายเกรงว่าสิทธิ์นี้กลายเป็น ‘ดาบสองคม’ หากยังมีการให้สิทธิ์นี้แก่ประชาชนต่อไปอาจจะทำให้คนร้ายหรือผู้ไม่หวังดีเข้าถึงอาวุธได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และเกิดปะทุขึ้นกลายเป็นโศกนาฏกรรมอีกในไม่ช้า
ดอน จูดี้ (Don Judy) เพื่อนข้างบ้านของนายสตีเฟน ขณะที่เขาพักอาศัยอยู่ในชุมชนผู้เกษียณอายุในเมืองเมลเบิร์น รัฐฟลอริดา เมื่อประมาณปี 2013-2015 ให้ข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า “สตีเฟนไม่ค่อยได้พักอยู่บ้านนานๆ บางครั้งเขาก็จะพาแฟนสาวมาที่บ้าน เขาเป็นนักเสี่ยงโชคตัวยง ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากการเสี่ยงโชคที่บ่อนคาสิโนในลาสเวกัส”
สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานว่า นายสตีเฟนอาศัยอยู่กับ มาริลู แดนลีย์ (Marilou Danley) แฟนสาวชาวเอเชีย ที่บ้านพักในเมืองเมสกีต มลรัฐเนวาดา ซึ่งขณะที่เกิดเหตุเธอไม่ได้อยู่ภายในสหรัฐฯ และอาจไม่มีส่วนรู้เห็นต่อเหตุสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้น แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดต่อเธอเป็นการด่วน เพราะเธอเป็นผู้อยู่ใกล้ชิดกับนายสตีเฟนมากที่สุด และอาจจะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ทางการทราบถึงมูลเหตุจูงใจที่ทำให้นายสตีเฟนตัดสินใจลงมือก่อเหตุขึ้น
หลังจากที่มีการสืบทราบประวัติของนายสตีเฟนพบว่า นายเบนจามิน แพดด็อก (Benjamin Paddock) พ่อของพี่น้องตระกูลแพดด็อกนี้เคยต้องโทษในคดีปล้นธนาคารมาก่อน มีประวัติเคยถูกจับและแหกคุกออกมาได้ในปี 1969 ถูกออกหมายจับและติดอันดับนักโทษที่ทางการต้องการตัวมากที่สุดนานถึง 8 ปี ก่อนที่จะถูกจับกุมได้อีกครั้งในปี 1978 และเสียชีวิตลงในอีกไม่กี่ปีต่อมา โดยขณะที่สองพี่น้องนี้เกิด นายเบนจามินกำลังเป็นนักโทษหนีคดี ทำให้ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันกับพ่อของเขาไม่บ่อยนัก
เวลาผ่านไปกว่า 25 ชั่วโมงแล้วหลังจากเกิดเหตุโศกนาฏกรรมครั้งนี้ขึ้น เบาะแสและข้อมูลต่างๆ ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเก็บรวมรวบนั้นกำลังจะช่วยปูทางไปสู่การตอบคำถามสำคัญว่า มูลเหตุจูงใจใดที่ทำให้นายสตีเฟน แพดด็อก มือปืนที่อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์การก่อคดีกราดยิงของสหรัฐฯ ตัดสินใจก่อเหตุสะเทือนขวัญในครั้งนี้
อ้างอิง:
- www.bbc.com/news/world-us-canada-41472462
- edition.cnn.com/2017/10/02/us/las-vegas-attack-stephen-paddock-trnd/index.html
- www.independent.co.uk/news/world/americas/las-vegas-shooting-latest-today-gunman-stephen-paddock-profile-gambler-loner-wealthy-debts-manadalay-a7979881.html
- www.telegraph.co.uk/news/2017/10/02/stephen-paddock-mandalay-bay-attacker-motive