Starbucks ญี่ปุ่นประกาศปรับขึ้นราคาเมนูสูงสุดถึง 6% ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง นับเป็นครั้งแรกที่ราคาจะไม่เท่ากันทุกสาขาในญี่ปุ่น โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ สำหรับร้านกาแฟประมาณ 600 สาขา หรือประมาณ 30% ของ Starbucks ทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงโตเกียว โอซาก้า นาโกย่า และเมืองใหญ่อื่นๆ โดยมีข้อยกเว้นบางประการ
การปรับขึ้นราคาจะส่งผลต่อเมนูเครื่องดื่มมาตรฐาน โดยราคาจะเพิ่มขึ้นระหว่าง 4-28 เยน (ประมาณ 1-6 บาท) และราคาเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นสำหรับสาขาเหล่านี้จะอยู่ที่ 4% โดยทุกสาขาของ Starbucks ใน 23 เขตใจกลางกรุงโตเกียว จะมีราคาเมนูที่สูงขึ้น
รวมถึงสาขาในสนามบิน จุดพักรถบนทางหลวง และสถานที่ที่มีค่าแรงและค่าเช่าสูง ซึ่งสาขาเหล่านี้จะปรับขึ้นราคาเฉลี่ย 6% ส่วนโปรโมชัน ‘One More Coffee’ ส่วนลดสำหรับกาแฟแก้วที่สองที่ซื้อในวันเดียวกันจะยังคงมีอยู่ และจะไม่มีการปรับขึ้นราคาสำหรับตัวเลือกเสริม อาทิ ช็อกโกแลตชิป
Starbucks Coffee Japan ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Starbucks ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทบทวนราคาเป็นระยะ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานที่และพื้นที่ปฏิบัติงาน
โดย Starbucks นอกประเทศญี่ปุ่นได้กำหนดราคาตามสถานที่ตั้งแล้ว เช่นเดียวกับ McDonald’s ในญี่ปุ่นที่สาขาใจกลางเมืองจะมีราคาที่สูงกว่า และ Gusto ร้านอาหารในเครือ Skylark Holdings ก็นำแผนการกำหนดราคาที่คล้ายกันนี้มาใช้
นี่เป็นปีที่ 4 ติดต่อกันที่ Starbucks ขึ้นราคาเมนูในญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ระบุว่า ต้นทุนเมล็ดกาแฟที่สูงขึ้นไม่ใช่เหตุผลหลักในการขึ้นราคาครั้งนี้ แต่ทางที่ดีสำหรับผู้บริโภคนั่นคือ Starbucks กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป จะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับนมถั่วเหลือง จากเดิมที่คิดราคาเพิ่ม 55 เยน (ประมาณ 12 บาท)
โดย Starbucks ในอเมริกาเหนือได้ยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษสำหรับนมที่ไม่ได้ทำจากนมวัวไปแล้วตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ซึ่ง Starbucks ญี่ปุ่นกล่าวว่า จะพิจารณายกเลิกค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับนมทางเลือกอื่นๆ ในอนาคต
ปัจจุบัน Starbucks เป็นเครือร้านกาแฟที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีเกือบ 2,000 สาขา และมียอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในประเทศในช่วงผลประกอบการล่าสุด แต่กำลังประสบปัญหาในตลาดหลักอื่นๆ เช่น อเมริกาเหนือและจีน
อ้างอิง: