วันนี้ (5 มีนาคม) มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ รายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. ชาวบ้านบางกลอยล่าง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี และเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม เขตงานตะนาวศรี ประมาณ 50 คน ได้เดินทางมาปักหลักที่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน หลังทราบข่าวการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัวชาวบ้านกว่า 10 คนที่บางกลอยบน-ใจแผ่นดิน หนึ่งในนั้นคือ หน่อแอะ มีมิ วัย 59 ปี บุตรชายของปู่คออี้-โคอิ มีมิ
มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ ยังเปิดเผยรายละเอียดว่า ได้ติดต่อสัมภาษณ์ผู้แทนชาวบ้านบางกลอยล่างคนหนึ่ง โดยระบุรายละเอียดว่า หลังจากได้ข่าวว่าเจ้าหน้าที่นำตัวชาวบ้านราว 10 คนจากบ้านบางกลอยบนลงมา จึงมาเพื่อให้เห็นว่าจะทำอะไรกับชาวบ้านบ้าง แต่เจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าไปข้างใน และมีการติดป้ายห้ามเข้าหากฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย และตัวแทนชาวบ้านดังกล่าวแสดงข้อห่วงกังวลว่าจะมีการดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ซึ่งมีโทษหนักคือจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี ปรับ 4 แสนถึง 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกังวลว่าหน่อแอะ มีมิ จะฆ่าตัวตาย
ขณะที่ชาวบ้านคนดังกล่าว ได้ระบุยืนยันแนวทางตามบันทึกข้อตกลงเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ทำเนียบรัฐบาล และให้คณะทำงานแก้ไขปัญหาของชุมชนกะเหรี่ยงบางกลอย จังหวัดเพชรบุรี ลงมาเป็นตัวกลางแก้ไขปัญหา
“จริงๆ แล้วก็มีข้อตกลงในการแก้ไขปัญหาแล้ว มีกรรมการแล้ว ก็คุยกันแล้วว่าจะหาทางออกร่วมกัน แต่มาออกหมาย แล้วควบคุมตัวแบบนี้มันไม่แฟร์ ไม่ใช่ทางออกที่เราตกลงกันไว้ ผมอยากให้เขาทำตามข้อตกลงเดิม อย่าทำแบบนี้ได้ไหม เรารอให้คณะทำงานฯ มาทำงานก่อน นี่อยู่ดีๆ ไม่พูด ไม่จา ไปเอาชาวบ้านลงมา จะยิ่งขัดแย้งกว่าเดิม” ผู้แทนชาวกะเหรี่ยงบางกลอยกล่าวยืนยืน
อย่างไรก็ตาม ไทยพีบีเอส รายงานเรื่องนี้โดยอ้างคำให้สัมภาษณ์ของ จตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่า ได้นำพี่น้องที่ขึ้นไปบนใจแผ่นดิน ที่ยังเหลืออยู่ทยอยลงมาทั้งหมด ซึ่งอาจจะรวม นอแอะ มีมิ ลูกของปู่คออี้ด้วย แต่คาดว่าน่าจะนำลงมาทั้งหมด ทั้งนี้ยังยืนยันว่า เราใช้วิธีการเจรจา ไม่ได้ใช้กำลัง หรือความรุนแรง ทุกอย่างเป็นไปตามคำสั่งศาลที่ตัดสินออกมาแล้ว โดยในการปฏิบัติการมีการตรวจสุขภาพให้ และเตรียมจัดหาที่ดินแหล่งน้ำเพื่อรองรับ ส่วนเรื่องการแจ้งข้อกล่าวหาบุกรุกป่ากับชาวบ้านจะขอตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง
ทั้งนี้ บันทึกข้อตกลงฉบับที่ลงนามร่วมกันระหว่างชาวบ้านกับ วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รองประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของพีมูฟ และ จตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ประกอบไปด้วย ข้อเสนอเร่งด่วน 3 ข้อ ได้แก่
1. ถอนกำลังเจ้าหน้าที่ออกจากชุมชนบางกลอยทั้งหมด
2. หยุดการสกัดการขนส่งเสบียง รวมถึงจุดสกัดเดิม และจุดสกัดเพิ่มเติมทั้งหมด และ
3. ยุติคดีของสมาชิก ภาคี #SAVEบางกลอย ทั้งหมด 10 คดี กรณียื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564
และข้อเสนอต่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการทำงานร่วมกับ สถาบันวิชาการเครือข่ายภาคประชาชน ตัวแทนพี่น้องกะเหรี่ยงที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ ในการรวบรวมข้อเท็จจริง ข้อมูล และเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต และดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมทั้งหมด 6 ข้อ ได้แก่
1. ให้ชาวบ้านที่ประสงค์กลับไปทำไร่หมุนเวียน และดำรงวิถีชีวิตวัฒนธรรมดั้งเดิมอยู่ที่บ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน สามารถกลับขึ้นไปอยู่อาศัย ทำกิน และดำเนินวิถีชีวิตตามวิถีดั้งเดิมของบรรพบุรุษได้ โดยรับรองสิทธิในการอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ชุมชนดั้งเดิม
2. ยุติการใช้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปตั้งจุดตรวจและลาดตระเวนในหมู่บ้านบางกลอยล่าง รวมทั้งยุติการข่มขู่ คุกคาม หรือใช้ความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นกับชาวบ้าน 36 ครอบครัวที่กลับไปอยู่อาศัย และทำกินอยู่ที่บ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน
3. ยุติการขัดขวางการขนส่งข้าว อาหาร และสิ่งของจำเป็นไปให้กับชาวบ้านบางกลอย
4. ให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 3 สิงหาคม 2553 ว่าด้วย แนวนโยบายและหลักปฏิบัติในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงโดยเร่งด่วน โดยเฉพาะมาตรการด้านการยุติการจับกุม ดำเนินคดี และการคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรมในรูปแบบไร่หมุนเวียน
5. ในกรณีที่ชาวบ้านครอบครัวใดประสงค์จะอยู่บ้านบางกลอยล่าง ให้รัฐดำเนินการจัดสรรที่ดิน ทั้งที่อยู่อาศัยและทำกินให้เพียงพอต่อการดำรงชีพ เพื่อให้สามารถดำเนินวิถีชีวิตได้อย่างมั่นคง
6. รัฐจะต้องยุติการดำเนินการสนธิกำลังของเจ้าหน้าที่รัฐ ในการตั้งจุดสกัดกั้น เดินลาดตระเวน และตรวจค้นสร้างแรงกดดัน และความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านบางกลอย และมีมาตรการในการคุ้มครองสวัสดิภาพ และความปลอดภัยของสมาขิกชุมชนบางกลอยทุกคน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: