แซม แบงก์แมน-ฟรายด์ ซีอีโอของ FTX แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีชั้นนำของโลก กล่าวว่า เว็บเทรด FTX มีโอกาสที่จะสร้างเหรียญ Stablecoin ของตัวเองในอนาคต นอกจากนี้ แบงก์แมน-ฟรายด์ยังแสดงความเห็นอีกว่า ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ Binance USD (BUSD) ซึ่งเป็นเหรียญ Stablecoin ของเว็บเทรด Binance อาจจุดประกายให้เกิดสงครามเหรียญ Stablecoin ครั้งที่ 2 ได้ เนื่องจากมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
สงครามเหรียญ Stablecoin ครั้งที่ 2 กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
แซม แบงก์แมน-ฟรายด์ ซีอีโอของ FTX ได้ให้สัมภาษณ์กับ The Big Whale ว่ามีโอกาสสูงมากที่ทางเว็บเทรด FTX จะเปิดตัวเหรียญ Stablecoin ของตัวเอง อย่างไรก็ตาม เขาหวังว่าจะได้หุ้นส่วนทางธุรกิจที่เหมาะสมก่อนที่จะเริ่มดำเนินการ โดยเขากำลังพิจารณาหุ้นส่วนที่ดีที่สุดที่จะร่วมงานด้วย และอาจมีการประกาศในเร็วๆ นี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- การอัปเกรด The Merge ของ Ethereum และทิศทางในอนาคตของเหรียญ ETH
- ทำไมเหรียญ LUNC ถึงพุ่งกว่า 425% ภายใน 14 วัน? อะไรที่อยู่เบื้องหลังการพุ่งขึ้นครั้งนี้
- ไมเคิล เบอร์รี เตือนการล่มสลายครั้งประวัติศาสตร์กำลังจะเกิดขึ้น โดยมีต้นตอจากตลาดคริปโต
FTX เป็นเว็บเทรดคริปโตชั้นนำที่ยังไม่มีเหรียญ Stablecoin เป็นของตัวเอง ในขณะที่ Binance เว็บเทรดชั้นนำอีกแห่งของโลกได้เปิดตัวเหรียญ Binance USD (BUSD) ตั้งแต่ปี 2019 และกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
แบงก์แมน-ฟรายด์ตั้งข้อสังเกตว่า สงคราม Stablecoin ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อปี 2018 โดยมีเหรียญ Stablecoin ประมาณ 5 สกุล แต่มีผู้นำของตลาดเพียง 2 ราย ได้แก่ USDT และ USDC
“การเติบโตของ BUSD ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา อาจจุดประกายให้เกิดสงครามเหรียญ Stablecoin ครั้งที่ 2 ก็เป็นได้” แบงก์แมน-ฟรายด์กล่าว
มูลค่าตลาดเหรียญ USDC ลดลงถึง 20% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา
ปัจจุบันผู้นำตลาดเหรียญ Stablecoins ได้แก่ USDT ของ Tether และ USDC ของ Circle ซึ่งทั้งสองเหรียญครองส่วนแบ่งตลาดเกิน 75% ของเหรียญ Stablecoin ทั้งหมด แต่สัดส่วนนี้กำลังลดลงอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้ท้าชิงรายใหม่อย่าง BUSD ซึ่งเป็นเหรียญ Stablecoin ที่ออกโดย Binance กำลังมีการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างมาก
มูลค่าสินทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ของ USDC ดิ่งลงอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมาเหรียญ USDC สูญเสียมูลค่าตลาดมากถึง 20% จาก 5.33 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ 4.39 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการลดลงของมูลค่าตลาดที่รวดเร็วมากที่สุดของ USDC
ในขณะที่ BUSD มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดมากถึง 22% โดยมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 1.76 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ 2.162 หมื่นล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา
นอกเหนือจากการแข่งขันที่สูงขึ้นของตลาด Stablecoin ในอนาคตแล้ว ความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในการนำสินทรัพย์มาหนุนหลัง และความเข้มงวดทางด้านกฎระเบียบ จะเป็นอีกปัจจัยที่ดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาใช้เหรียญนั้นๆ ด้วย
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น
อ้างอิง: