นายกรัฐมนตรีเข้ากระทรวงคลังครั้งที่ 3 ตั้งแต่รับตำแหน่ง รมว.คลัง เผยมีประชุมหลายเรื่อง พร้อมยอมรับ ห่วงตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ซึ่งขยายตัวเพียงแค่ 1.5% สัญญาจะพยายามในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ให้ดีขึ้น ย้ำดิจิทัลวอลเล็ตมีความจำเป็น
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าเพื่อประชุมมอบนโยบายและติดตามงานที่กระทรวงการคลัง ถึงกรณีเรียกเลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาล
โดยนายกฯ กล่าวว่า เป็นห่วงตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ที่ออกมา 1.5% อย่างมาก เพราะเท่าที่ตนสอบถาม ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ ท่านเองก็ตกใจ เพราะคิดว่าจะเห็น GDP ที่ 2%
นายกฯ เปิดเผยอีกว่า เลขาสภาพัฒน์ระบุว่ามีเหตุผลหลายอย่างทั้งเรื่องการใช้จ่าย การลงทุน และเรื่องการผลิต ‘ทุกอย่างเลวร้ายกว่าที่คิดไว้เยอะ’
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะส่งผลถึงไตรมาสแรกในปีหน้าบ้างหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนว่าทุกอย่างส่งผลหมด แต่อย่าเพิ่งข้ามไปไตรมาสแรก เพราะไตรมาสที่ 4 ปีนี้ก็ยังเหลืออีกครึ่งไตรมาส เราก็ต้องพยายามทำให้ตัวเลขดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ที่บอกว่าจะดีขึ้นเกี่ยวกับนโยบายเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนว่าเราพูดกันเยอะแล้วและเราก็ทราบว่าขั้นตอนต่อไปเป็นอย่างไร และตัวเลขก็บ่งบอกชัดเจนสำหรับตน ก็ขอให้เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจุดยืนของตนนั้นชัดเจนว่า ‘วิกฤตและจำเป็น’
สำหรับการมาประชุมที่กระทรวงการคลัง นายกฯ กล่าวว่า มีวาระเยอะ หลายเรื่อง ทั้งเรื่องที่ตนแถลงไปว่าประมาณปลายเดือน หรือต้นเดือนหน้าจะมีการแถลงเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบทั้งหมด ที่จะต้องมาดูกันว่ามีกลุ่มไหนบ้างที่ยังขาดการดูแล วันนี้ก็มาพูดคุยกันแบบทำงานเป็นทีม
ส่วนการหารือกันเรื่องแหล่งเงินกู้ของโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เอาเรื่องหนี้ก่อน เรื่องดิจิทัลวอลเล็ตพูดชัดเจนแล้ว เรื่องแหล่งเงินกู้ก็ชัดเจนแล้วว่าจะออกเป็นพระราชบัญญัติ
ขณะที่ประเด็นการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนบริหารจัดการเองระหว่างตนกับกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้มอบหมาย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ไปแล้ว ซึ่งท่านเข้าใจและตระหนักดีถึงปัญหานี้ วันนี้กำลังคิดอยู่ว่าจะแถลงพร้อมกันกับเรื่องการบริหารหนี้ทั้งหมดหรือจะแยกแถลง