วันนี้ (17 ตุลาคม) ที่โรงแรม China World Hotel สาธารณรัฐประชาชนจีน เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีกำหนดการเข้าพบผู้บริหาร รัฐวิสาหกิจ และบริษัทใหญ่ชั้นนำของจีน เช่น CITIC Group Corporation บริษัทที่ดำเนินธุรกิจในส่วนของการบริการทางการเงินแบบครบวงจรและใช้เทคโนโลยีระดับสูง, CRRC Group รัฐวิสาหกิจจีนที่ผลิตอุปกรณ์ขนส่งทางรางที่ใหญ่ที่สุดในโลก, Ping An บริษัท 1 ใน 3 ของผู้ให้บริการทางการเงินครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดของจีน, Xiaomi บริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีนวัตกรรมขั้นสูง และ Alibaba Group ซึ่งเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ ให้บริการและพัฒนาระบบการค้าออนไลน์ทางอินเทอร์เน็ต, ระบบ Alibaba Cloud Computing และระบบการชำระเงิน Alipay
ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า Zhu Hexin, Chairman CITIC Group Corporation เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี โดยสนใจลงทุนใน PPP Projects ขนาดใหญ่ของไทย และมีความเชื่อมั่นที่จะเข้ามาลงทุนในไทยในหลากหลายธุรกิจ โดยนายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนให้มาร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ 5 อุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมกลุ่ม BCG (Bio-Circular-Green Economy) ตลอดจนเชิญชวนให้มาตั้ง Regional Headquarter โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจใหม่ พร้อมชวนมาขยายธุรกิจด้านการเงินในไทย ซึ่ง CITIC มีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเงินอยู่ด้วยแล้ว เช่น บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ มีใบอนุญาตทางการเงินการธนาคารครบถ้วนและอยู่ในอันดับต้นๆ ของจีน จึงมีศักยภาพที่จะลงทุนในไทยได้ โดยจะได้หารือในขั้นตอนต่อไป
ขณะที่การหารือกับ Yongcai Sun, Chairman and Executive Director, CRRC Group ชัยกล่าวว่า CRRC Group ได้ขอบคุณรัฐบาลที่สนับสนุนและช่วยเหลือการลงทุน ซึ่งมีความร่วมมือกันมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะบริการผลิตเครื่องจักรรถไฟที่หลากหลายสำหรับรถไฟทุกแบบและครบวงจร พร้อมถ่ายทอดความรู้และทักษะเทคโนโลยีระบบราง โดยนายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งในประเทศไทย การพัฒนารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รวมทั้งรถไฟเพื่อการขนส่งอื่นๆ ซึ่งรวมถึง BCG Economy, พลังงานหมุนเวียน และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนการลงทุนของบริษัทเพื่อประโยชน์ร่วมกัน ด้าน CRRC Group กล่าวยินดีและต้องการเชิญนายกฯ ไปทดลองนั่งรถไฟความเร็วสูงด้วยตนเอง
ชัยกล่าวว่า ไทยให้ความเชื่อมั่นต่อการลงทุนจากต่างประเทศด้วยระบบสาธารณูปโภคครบครันและสิทธิพิเศษการลงทุน จึงอยากเชิญชวนมาตั้งโรงงานในไทย ควบคู่กับการถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่ไทย ซึ่งไทยมีความพร้อมด้านแรงงานและ Healthcare ที่จะดูแลนักลงทุน นอกจากนี้ยังมีความต้องการหัวจักรรถไฟจำนวนมากสำหรับการขนส่งทางรถไฟของไทย
ส่วนการหารือกับ Xie Yonglin, Executive Director, President, Co-CEO บริษัท Ping An ชัยระบุว่า Ping An ขานรับนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมการลงทุนสีเขียว โดยตั้งเป้าหมายลดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ในโครงการที่มีแนวโน้มการปลดปล่อยคาร์บอนสูง รวมทั้งเพิ่มสัดส่วนการปล่อยกู้ การออกพันธบัตร รวมทั้งการให้ประกัน แก่โครงการที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับปี 2566 บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการลงทุนสีเขียวมากเพิ่มขึ้นอีก 20% ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนให้มาลงทุนในไทยให้มากขึ้น ซึ่งไทยยินดีต้อนรับการลงทุนจากบริษัทในทุกด้านที่บริษัทเชี่ยวชาญ เช่น Healthcare และการเงิน
ชัยกล่าวว่า บริษัท Ping An จะขยายการบริการประกันภัยนอกประเทศ โดยจะพิจารณาไทยเป็นประเทศแรก อีกทั้งไทยยังมีความร่วมมือด้าน Visa Free ซึ่งทั้งการประกัน และ Healthcare จะสามารถขยายธุรกิจต่อเนื่องได้ ทั้งนี้ ชาวจีนนิยมเดินทางไปประเทศไทยในอันดับต้นๆ ทั้งท่องเที่ยว การรักษา รวมถึงการหาที่อยู่ในระยะยาว ซึ่งการหารือกับนายกฯ ทำให้สนใจลงทุนในไทยมากขึ้น เพราะได้รับข้อมูลและเห็นโอกาสที่ชัดเจน
ขณะที่การหารือกับ Alain Lam, Vice President, CFO บริษัท Xiaomi ชัยเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณที่บริษัทเชื่อมั่นในประเทศไทย โดยพร้อมสนับสนุนการขยายตลาดและการลงทุนในประเทศไทย เชื่อว่าไทยมีข้อได้เปรียบทางธุรกิจที่บริษัทจะได้ประโยชน์ในการลงทุนและขยายตลาดในพื้นที่ รวมทั้งขอบคุณการถ่ายทอดเทคโนโลยี R&D สำหรับโครงการแลนด์บริดจ์ โดยจะเป็นโอกาสของบริษัทในการร่วมกันพัฒนาในกรอบ BRI ซึ่งบริษัทกำลังมองหาสถานที่ผลิตหรือโรงงานการผลิต เพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจในหลายๆ ด้านที่เกี่ยวข้อง อาทิ รถยนต์ EV ซึ่งเศรษฐาให้ความมั่นใจในการเป็นศูนย์การผลิตรถยนต์ EV ของภูมิภาค ด้วยปัจจัยสนับสนุนที่พร้อมและสภาพแวดล้อมที่ได้เปรียบ รวมทั้งไทยเป็นประเทศแรกที่ดำเนินมาตรการเกี่ยวกับ Carbon Credit
ชัยระบุด้วยว่าบริษัทยินดีที่จะขยายการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ในไทยสำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัท และนำสู่ตลาดโลก ซึ่งจะช่วยเพิ่มทักษะการผลิตของแรงงานไทยควบคู่กับการเทรนนิ่ง เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนแรงงานฝีมือและมีทักษะ
สำหรับการหารือกับ Fan Jiang, CEO บริษัท Alibaba International Digital Commerce Group โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า Alibaba Group เห็นว่าไทยมีศักยภาพ เป็น Strategic Partner และบริษัทประสบความสำเร็จในไทยในหลากสาขาของผลิตภัณฑ์ มีลูกค้าตลาดใหญ่ของบริษัทยินดีสนับสนุน E-Training ให้กับไทย พร้อมขยายความร่วมมือการลงทุน
ขณะเดียวกัน Alibaba Group ได้เสนอให้ตั้ง Smart Digital Hub ในไทย ซึ่งบริษัทจะพิจารณาด้วยสิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจ โดย Travel Platform เป็นอีกผลิตภัณฑ์ที่บริษัทกำลังขยายการดำเนินการร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการเสนอรัฐบาลสำหรับมาตรการความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว โดยใช้ระบบออนไลน์ และเสนอการใช้ใบขับขี่จีนในไทย รวมถึงบริษัทจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์ไทย และ Online Help Center สำหรับนักท่องเที่ยวด้วย
ชัยกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณ Alibaba สำหรับความมั่นใจและการลงทุนใน Cloud Service หวังว่าจะได้รับการขยายการลงทุน และ Alibaba จะสนับสนุนและพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลของไทย เชื่อมั่นว่ายังมีโอกาสในการลงทุนไทยได้อีกมาก
