หนังโป๊จำนวนมากนำเสนอภาพผู้แสดงฝ่ายหญิง ‘สเควิร์ต’ (squirt) หรืออาการที่มีของเหลวพุ่งออกมาจำนวนหนึ่งจากอวัยวะเพศขณะถึงจุดสุดยอด ซึ่งแสดงความเชื่อถึงการไคลแม็กซ์ที่รุนแรง จนเป็นเรื่องถกเถียงกันมานานว่า ‘ผู้หญิงสามารถหลั่งได้ เหมือนผู้ชายหลั่งน้ำอสุจิไหม’ และเป็นแค่การแสดงหรือการหลั่งจริงกันแน่
‘สเควิร์ต’ คือการหลั่งของผู้หญิงเมื่อถึงจุดสุดยอด (Female Ejaculation) พบเห็นได้ในนักแสดงหญิงในหนังติดเรตที่ทำให้ผู้คนให้ความสนใจ จนคำว่า ‘squirting’ ติดอันดับการค้นคำในกูเกิลในหลายประเทศ อย่างไรก็ดี เนื่องจากที่มาที่ไปไม่แน่ชัด เพราะบ้างก็เป็นเพียงการแสดง ในบางประเทศ เช่น ประเทศอังกฤษ การแสดงที่เผยให้เห็นสาวหลั่งในภาพยนตร์ชวนเสียวถือเป็นสิ่งต้องห้าม โดยอังกฤษเริ่มแบนการแสดงออกทางเพศหลายรูปแบบผ่านสื่อไปเมื่อปี 2014
อันที่จริงการหลั่งที่ว่านี้มีบันทึกไว้ตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ สมัยอริสโตเติล (Aristotle) และฮิปโปเครตีส (Hippocrates) ที่อธิบายลักษณะการหลั่งโดยใช้คำว่า ‘น้ำอสุจิผู้หญิง’ แต่จนมาถึงศตวรรษที่ 19 ก็ยังไม่มีการค้นคว้าให้กระจ่างอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ทั้งๆ ที่มีข้อมูลว่าผู้หญิงร้อยละ 10-40 สามารถหลั่งได้เมื่อถึงจุดสุดยอดในจำนวนที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ 1-5 ซีซี จนถึง 150 ซีซี ถึงกระนั้นก็มีแต่การอ้างจากคำพูดของผู้เชี่ยวชาญว่าน่าจะหลั่งจากต่อมน้ำหล่อลื่นบาร์โธลีนบ้าง จากจุดจีสปอตบ้าง
จนในปี 2015 มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Gynecol, Obstet, Fertil และ The Journal of Sexual Medicine ของศูนย์ข้อมูลเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NCBI) รายงานที่มาของการหลั่งในผู้หญิง ด้วยการรวบรวมผู้หญิงที่อ้างว่าเกิดการหลั่งทุกครั้งที่ถึงจุดสุดยอดจำนวน 7 ราย โดยให้ทุกรายทำการปัสสาวะออกก่อน และทำการตรวจอัลตราซาวด์ จนพบว่าไม่มีน้ำปัสสาวะเหลือ จากนั้นจึงให้ผู้เข้าร่วมทำการวิจัยสำเร็จความไคร่ด้วยตัวเอง โดยก่อนจะถึงฝั่งฝัน (ซึ่งใช้เวลาระยะหนึ่ง) ได้ผ่านการตรวจโดยอัลตราซาวด์อีกครั้ง การตรวจสอบพบว่าผู้หญิงทั้งหมดมีน้ำปัสสาวะอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ และเมื่อถึงจุดสุดยอดและทำการหลั่ง จึงทำการตรวจอัลตราซาวด์อีกครั้ง ค้นพบว่าน้ำปัสสาวะที่เหลืออยู่ได้หายไปในจำนวนที่เท่ากับน้ำที่หลั่งออกมา ทำให้คาดว่าน้ำที่หลั่งออกมาก็คือน้ำปัสสาวะนั่นเอง
ทั้งนี้ผู้วิจัยได้นำของเหลวที่หลั่งออกมาไปทำการตรวจทางชีวเคมี พบว่าน้ำปัสสาวะที่เก็บมาตรวจก่อนสเควิร์ตนั้น มีสารเคมี ยูเรีย (Urea) กรดยูริก (Uric acid) และครีเอตินิน (Creatinine) ซึ่งเป็นส่วนประกอบของน้ำปัสสาวะตามปกติ
โดยมีผู้หญิงจำนวน 2 ใน 7 คนที่ขับของเหลวออกมาเป็นน้ำปัสสาวะล้วนๆ ขณะที่อีก 5 คน มีสารพีเอสเอ (PSA = Prostate-Specific Antigen) ปนอยู่ ซึ่งสารนี้เป็นโปรตีนซึ่งเป็นส่วนประกอบของน้ำอสุจิ หลั่งมาจากต่อมลูกหมากของผู้ชาย ในผู้หญิงสาร PSA สามารถหลั่งออกมาเมื่อถึงจุดสุดยอดจากต่อมสกีน (Skene หรือ Paraurethal Glands) ซึ่งอยู่ข้างรูปัสสาวะ
งานวิจัยยังพบอีกว่าถึงแม้จะปัสสาวะไปแล้วก่อนทำการหลั่ง ผลการตรวจอัลตราซาวด์ได้พบว่ามีน้ำปัสสาวะไหลเข้ามาในกระเพาะปัสสาวะอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงจุดสุดยอด ทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหย่อนตัวลง และหูรูดรูปัสสาวะไม่สามารถเก็บน้ำปัสสาวะได้ จึงเกิดการ ‘สเควิร์ต’ หรือน้ำใสคล้ายปัสสาวะที่พุ่งออกมานั่นเอง ส่วนสาร PSA ที่ออกมาปนในน้ำปัสสาวะ เป็นการหลั่งของผู้หญิงจากต่อมสกีน ทำให้เชื่อว่าผู้หญิงหลั่งได้จริง แต่น้ำมีจำนวนน้อย และไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกราย
สรุปจากงานวิจัย
มีผู้หญิงจำนวน 2 คนที่อาสามาร่วมทำการวิจัยที่หลั่งเป็นน้ำปัสสาวะ ส่วนอีก 5 คนจาก 7 คนนั้นสามารถหลั่งได้เมื่อถึงจุดสุดยอด แต่น้ำที่หลั่งออกจากต่อมสกีนเมื่อถึงจุดสุดยอดนั้นมีจำนวนน้อย (หาใช่พุ่งออกมาชัดเจนราวกับเปิดจุกแชมเปญแสนซ่าดังที่เห็นในฉากร้อนแรงในหนังปลุกใจเสือป่า) และส่วนใหญ่เป็นน้ำปัสสาวะที่คั่งค้างอยู่
ทั้งนี้เราเรียกการ ‘สเควิร์ต’ ว่าเป็น ‘การหลั่งของผู้หญิง’ ซึ่งหากให้พูดความจริงที่อาจจะไม่น่าฟัง ก็คือเป็นภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ของผู้หญิงเมื่อถึงจุดสุดยอด และมักไม่เกิดในผู้หญิงที่มีกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานแข็งแรงนั่นเอง
อย่างไรก็ตามงานวิจัยนี้แถมท้ายว่า ผู้หญิงที่หลั่งทุกคนนั้นมีความสุข สนุก ถึงฝั่งฝันได้ง่าย และรู้สึกผ่อนคลายในการร่วมเพศ ดังนั้นการหลั่งของผู้หญิงเมื่อถึงเส้นชัยจึงเป็นอะไรที่ไม่อันตราย และอาจจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ทางเพศที่แข็งแรงได้ (Healthy Sexual Relationship)
ทางที่ดีคือก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์ แนะให้จัดการขับปัสสาวะให้ออกจนหมดเสียก่อนเริ่มโหมเพลงรัก เพราะนอกจากจะช่วยลดการหลั่ง ยังช่วยลดการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย
อ่านเรื่องจาก C Spot ถึง U Spot รู้จักกับ 5 จุดสู่แดนสวรรค์ของผู้หญิงที่คุณไม่เคยรู้ ได้ที่นี่
ภาพประกอบ: Karin Foxx
อ้างอิง: