×

Netflix คาดการณ์ว่า Squid Game จะสร้าง Impact Value สูงถึงเกือบ 3 หมื่นล้านบาท เป็นมูลค่าที่เกือบเท่ากับ ‘สตาร์ทอัพยูนิคอร์น’ เลยทีเดียว

18.10.2021
  • LOADING...
Squid Game

Squid Game ยังไม่หยุดโต หลังสร้างประวัติศาสตร์เป็นซีรีส์เกาหลีเรื่องแรกที่เป็นอันดับ 1 ใน Netflix อเมริกาได้แล้ว ล่าสุด Netflix ประมาณการว่า Squid Game จะสร้าง Impact Value มูลค่าเกือบ 900 ล้านดอลลาร์ หรือ 3 หมื่นล้านบาท ให้กับบริษัท ซึ่งมีมูลค่าสูงใกล้เคียงกับบริษัทสตาร์ทอัพยูนิคอร์นเลยทีเดียว

 

Netflix นั้นแตกต่างจากสตูดิโอภาพยนตร์และทีวี ตรงที่บริษัทไม่ได้สร้างยอดขายโดยใช้ชื่อเรื่องหรือวิดีโอที่ใส่เอฟเฟกต์เสียงรัวกลอง เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาชมทุกสัปดาห์ แต่ Netflix ใช้การเก็บข้อมูลมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ลูกค้ารับชม ซึ่งบริษัทจะใช้ข้อมูลเหล่านี้ของผู้ชมมาผลิตคอนเทนต์ที่จะดึงดูดผู้ชมและตรงความต้องการของผู้ชมมากที่สุด

 

สำหรับซีรีส์ Squid Game โดดเด่นทั้งด้านความนิยมและการใช้ต้นทุนที่ค่อนข้างต่ำ แต่สามารถสร้างรายได้กว่า 891.1 ล้านดอลลาร์ หรือ 2.9 หมื่นล้านบาท ในเชิง Impact Value โดยซีรีส์นี้มีต้นทุนเพียง 21.4 ล้านดอลลาร์ในการผลิต หรือประมาณแค่ 2.4% ของรายได้เท่านั้น หากคิดเป็นต้นทุนต่อตอนจะอยู่ที่ประมาณ 2.4 ล้านดอลลาร์ต่อตอน ซึ่งตัวเลขเหล่านี้เป็นเพียงตัวเลขสำหรับซีซันแรกเท่านั้น

 

ตัวเลขที่ถูกเปิดเผยนี้แสดงให้เห็นถึงตัวอย่างคอนเทนต์ของผู้ให้บริการสตรีมมิงที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งกลายเป็นเป้าหมายที่ชัดเจนของคู่แข่งสตรีมมิงหลากหลายแห่งที่ต้องพิชิตให้ได้ นอกจากนั้น Netflix ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับอันดับคอนเทนต์ต่างๆ ที่ผู้ชมเลือกชมด้วยตนเอง แต่ไม่ได้เปิดเผยกับสำนักข่าว นักลงทุน หรือแม้แต่ผู้สร้างภาพยนต์ต่างๆ นอกจากนั้นการนั่งเดาว่าความนิยมของ Squid Game จะไต่ไปสูงสุดอยู่ที่จุดไหน กลายเป็นเกมเล็กๆ ที่เล่นกันในวงการฮอลลีวูดไปแล้ว 

 

ทั้งนี้ ทนายความที่เป็นตัวแทนของ Netflix กล่าวในจดหมายถึงสำนักข่าว Bloomberg ว่า ไม่สมควรที่ Bloomberg จะเปิดเผยข้อมูลบางส่วนที่เป็นความลับที่มีอยู่ในเอกสารที่ Bloomberg ได้เห็นข้อมูลไป และ Netflix ไม่ได้มีความประสงค์ที่จะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัดเหล่านี้นอกบริษัท และจะดำเนินการเพื่อปกป้องการเปิดเผลข้อมูลต่างๆ 

 

สิ่งที่น่าสนใจคือ ผู้ชมประมาณ 132 ล้านคน ดู Squid Game อย่างน้อย 2 นาที ใน 23 วันแรกของฉาย ทุบสถิติ Netflix แซงหน้าซีรีส์อย่าง Bridgerton รวมถึงผู้ชมจำนวน 111 ล้านคน ส่วนใหญ่เพิ่งเริ่มดู Squid Game เมื่อต้นเดือนนี้ 

 

ทั้งนี้ Netflix ได้เปิดเผยแค่จำนวนผู้ที่เริ่มดูซีรีส์เรื่องนี้ แต่ยังไม่ได้เปิดเผยว่ามีคนจำนวนเท่าไรที่ติดซีรีส์เรื่องนี้และดูอย่างต่อเนื่อง หรือจำนวนคนที่ดูซีรีส์จบ (อัตราการดูจบ) ทางด้านฝั่งของรายการโทรทัศน์แบบดั้งเดิมได้รายงานจำนวนเฉลี่ยของผู้คนที่ดูรายการในช่วงเวลาหนึ่งเช่นกัน ซึ่งตัวเลขนี้ทำให้ตัวเลข 2 นาทีของ Netflix ดูสูงเกินจริงเมื่อเทียบกัน

 

ในกรณีของ Squid Game นั้น Netflix ประมาณการว่า 89% ของผู้ที่เริ่มรายการ จะดูอย่างน้อย 75 นาที (มากกว่า 1 ตอน) และ 66% ของผู้ชม หรือ 87 ล้านคน มีการดูซีรีส์จบภายใน 23 วันแรก ซึ่งรวมๆ แล้วผู้ชมทั่วโลกใช้เวลารวมกันมากกว่า 1.4 พันล้านชั่วโมงในการชมซีรีส์ Squid Game ที่ผลิตโดย Siren Pictures

 

ข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ที่ Netflix เปิดเผย จะทำให้นักลงทุนมีกำลังใจและอาจลงทุนเพิ่มมากขึ้น หลังจากผ่านหลายเดือนที่เป็นอุปสรรคของ Netflix มาได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการที่ Squid Game ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยก่อนหน้านี้บริษัทรายงานว่า อัตราการสมัครสมาชิกใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกช้าที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013 รวมถึงการผลิตคอนเทนต์ล่าช้าจากโควิด ส่งผลให้ราคาหุ้นของ Netflix ลดลงและทรงๆ เกือบทั้งปีตามสภาพตลาด

 

แต่หุ้นในบริษัทพุ่งขึ้นเกือบ 7% นับตั้งแต่เปิดตัว Squid Game เมื่อวันที่ 17 กันยายน ซึ่งทำให้บริษัทมีมูลค่า 2.781 แสนล้านดอลลาร์ (ราวๆ 9.3 ล้านล้านบาท) แม้แต่นักลงทุนที่เคยวิพากษ์วิจารณ์บริษัท ก็กลับมาคาดหวังว่าผลประกอบการจะดีขึ้นในไตรมาสที่ 3 และ 4

 

ไมเคิล แพชเตอร์ นักวิเคราะห์จาก Wedbush Securities กล่าวเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมว่า “เราคิดว่า Netflix เจอกลยุทธ์ที่ดีและสามารถสร้างผลกำไรได้ จากความพยายามในการทำให้คอนเทนต์เป็นสากลมากขึ้น โดย Squid Game เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของกลยุทธ์นี้ รวมถึงการเปิดตัวละครซิตคอมอเมริกันอย่าง Seinfeld ในไตรมาสที่ 4 น่าจะช่วยดันการเติบโตได้เป็นอย่างดี”

 

ตัวชี้วัดบางตัวที่ Bloomberg เห็น อย่างเช่น คะแนนด้านส่วนแบ่งการดูที่ปรับแล้ว หรือ (Adjusted View Share: AVS) ซึ่ง Squid Game ได้คะแนนมากถึง 353 คะแนน (คะแนน AVS ที่มากกว่า 9 หรือ 10 ก็ถือว่าสูงแล้ว) ซึ่งคะแนนนี้สะท้อนให้เห็นว่า ไม่ใช่แค่จำนวนคนที่ดูเท่านั้น แต่ยังพิจารณาว่าผู้ชมเหล่านั้นมีค่าเพียงใดอีกด้วย โดยผู้ชมที่เป็นลูกค้าใหม่หรือใช้ Netflix น้อยกว่า จะถูกมองว่ามีค่ามากกว่าคนที่ใช้ Netflix เป็นประจำ เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่า คอนเทนต์เหล่านั้นเป็นเหตุผลที่พวกเขายังไม่ได้ยกเลิกการสมัครสมาชิก

 

สิ่งที่ทำให้ Squid Game มีค่ายิ่งขึ้นไปอีกคือ ความโด่งดังเมื่อเทียบกับต้นทุนที่ต่ำ การผลิตซีรีส์เรื่องนี้มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า Dave Chappelle ตอนพิเศษ หรือ The Crown เพียงแค่ 2-3 ตอน Netflix วัดสิ่งนี้โดยใช้เมตริกที่เรียกว่าประสิทธิภาพ ซึ่งจะวัดจำนวนการดู (หรือ AVS) และนำมาคำนวณให้สัมพันธ์กับต้นทุนการผลิต ซึ่งตามเอกสารของ Netflix คะแนนประสิทธิภาพเท่ากับ 1X ก็ถือว่าสูงแล้ว ซึ่ง Squid Game มีคะแนนประสิทธิภาพถึง 41.7X อย่างเรื่อง Sticks & Stones ของ Chappelle อยู่ที่เพียง 0.8X เท่านั้น 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X