“A E I O U หยุด ใครขยับคนนั้นตาย…”
การแข่งขันครั้งใหม่ที่คำว่าตายหมายถึง ‘ตาย’ จริงๆ กำลังจะเริ่มขึ้น ในซีรีส์ Squid Game เล่นลุ้นตาย กับเหล่าผู้เข้าแข่งขันหลายร้อยชีวิตที่การเงินล้มเหลวถึงขีดสุด พวกเขาได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมเล่นเกมลุ้นตาย ที่มีเงินจำนวนมหาศาลเป็นเดิมพัน โดยไม่ได้คาดคิดเลยว่าเกมเด็กเล่นง่ายๆ จะเต็มไปด้วยปริศนา และกำลังจะมอบความตายให้กับผู้ที่พ่ายแพ้
THE STANDARD POP อยากชวนทุกคนมาเปิด 5 อัลติความน่าสนใจของซีรีส์ออริจินัลสุดระทึกเรื่องใหม่จาก Netflix ก่อนที่จะลงจอออนแอร์ให้ได้รับชมพร้อมๆ กันในวันศุกร์ที่ 17 กันยายนนี้
1. ซีรีส์เรื่องนี้เป็นผลงานของผู้กำกับภาพยนตร์มือทองอย่าง ฮวังดงฮยอก เจ้าของผลงาน Silenced (2011), Miss Granny (2014) และ The Fortress (2017) ภาพยนตร์แนวเสียดสีสังคมและการเมืองที่กวาดรางวัลมามากมาย ในปีนี้ ฮวังดงฮยอก กลับมาอีกครั้งพร้อมกับซีรีส์ทริลเลอร์ที่เขาใช้เวลาวางแผนกว่า 10 ปี
นอกจากผู้กำกับมือหนึ่งแล้ว ซีรีส์เรื่องนี้ยังได้นักแสดงอย่าง อีจองแจ ผู้ที่เคยมีผลงานติด Box Office อย่าง Along with the Gods: The Two Worlds (2017) และ Deliver Us From Evil (2020) มาประกบคู่กับ พัคแฮซู นักแสดงมากฝีมือจากซีรีส์ Prison Playbook (2017) มาช่วยเพิ่มเลเวลความลุ้นระทึก กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่รวม ‘ตัวท็อป’ ของวงการเกาหลีมาสร้างสรรค์ผลงานร่วมกัน
2. เราอาจจะคุ้นตาภาพยนตร์ทริลเลอร์ที่มีพล็อตเกี่ยวกับเกม การเอาตัวรอด หรือการผ่านด่านเกมแบบนี้อยู่บ้าง ซึ่งส่วนมากตัวละครมักจะมีสิทธิ์เลือกว่าพวกเขาจะยอมเสี่ยงเอาชีวิตเข้ามาแลกในเกมเดิมพันนั้นๆ หรือเปล่า
แต่ในซีรีส์เรื่องนี้กว่าผู้เข้าแข่งขันทุกคนจะค้นพบว่าสิ่งที่ตนต้องแลกกับความพ่ายแพ้ในเกมนี้คือชีวิต ก็ตอนที่พวกเขาลงสนามในเกมแรกไปแล้ว และไม่มีสิทธิ์จะย้อนกลับได้อีก
เมื่อความตายที่ถูกหยิบยื่นให้อยู่ใกล้มากกว่าเส้นผม ทำให้เราสามารถดำดิ่งไปสู่ด้านมืดที่อยู่ลึกสุดในจิตใจมนุษย์ได้มากขึ้น ผ่านอดีตและปัจจุบันของตัวละครทุกตัว ซึ่งทำให้ซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์เกี่ยวกับเกมและการเอาตัวรอดที่แตกต่างและน่าจับตามองอีกเรื่องหนึ่ง
3. Squid Game เล่นลุ้นตาย ได้หยิบยกเกมที่เราคุ้นเคยในวัยเด็ก ไม่ว่าจะเป็น เอ อี ไอ โอ ยู หยุด, ชักเย่อ และเกมพื้นบ้านของเกาหลี มาใส่ความโหดร้ายและความตายลงไป สร้างความย้อนแย้งให้กับเกมวัยใสในความทรงจำที่ควรจะมีแต่ความสดใสและเสียงหัวเราะของทุกคน ให้กลับกลายเป็นเกมที่มีแต่เสียงกรีดร้อง เลือด และการเอาตัวรอด
4. นอกจากความย้อนแย้งของเกมเด็กเล่นแล้ว ซีรีส์เรื่องนี้ยังสอดแทรกสัญลักษณ์ สะท้อนภาพของสังคมทุนนิยมที่ทุกคนต่างแข่งขันกันอย่างไม่จบสิ้น เพื่อเงินและการอยู่รอด ตั้งคำถามกับเจตนาของระบบที่ถูกมองว่าทำให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีขึ้น
แต่ในอีกทางหนึ่ง ทุนนิยมก็คือระบบที่ทำให้ผู้คนต้องเติบโตเพื่อเข้าสู่การแข่งขันอันโหดร้าย มีชีวิตเป็นฟันเฟืองเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ มีเป้าหมายเพื่อยอดเงินในบัญชี และหวังว่าเงินนี้จะสร้างความสุขให้เราได้เมื่อมีมันมากพอ นำเสนอให้เห็นความโหดร้ายของชีวิตจริงที่ย้อนแย้งกับความสดใสของเจตนาแรกโดยสิ้นเชิง
และในทางเดียวกัน ถ้าเราใส่เสริมเติมแต่งความโหดร้ายนี้เข้าไปหน่อย มันก็ไม่ได้ต่างจากเกมลุ้นตายเกมนี้เลยด้วยซ้ำ
5. ซีรีส์เรื่องนี้ได้ทัพนักแสดงมากฝีมือมากมายมาถ่ายทอดความรู้สึกอันหลากหลายของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนที่ต้องเอาตัวรอดในเกมที่แสนเรียบง่ายแต่ถึงตายเกมนี้
พวกเขาต่างมีปัญหาด้านการเงินที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นหนี้พนันไปจนถึงเงินที่จะใช้เลี้ยงดูครอบครัว ทำให้พวกเขาต้องต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดให้ได้ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องยอมรับการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากชัยชนะนี้ด้วย
และระหว่างที่พวกเขากำลังโอบรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เราก็จะได้สัมผัสถึงความซับซ้อนและดำดิ่งไปกับเรื่องราวของพวกเขาด้วยเช่นกัน
แล้วคุณพร้อมเล่นเกมนี้หรือยัง?
ถ้าพร้อมแล้ว เตรียมตัวเล่น Squid Game เล่นลุ้นตาย พร้อมกันวันที่ 17 กันยายน บน Netflix
รับชมตัวอย่าง สควิดเกม เล่นลุ้นตาย (Squid Game) ได้ที่:
ภาพ: Netflix