×

Monster จากมังงะระดับตำนานที่ตั้งคำถามถึงปรัชญาชีวิต สู่อนิเมะขึ้นหิ้งที่เกือบจะได้กลายเป็นภาพยนตร์คนแสดง

03.01.2023
  • LOADING...

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อศัลยแพทย์คนหนึ่งได้ช่วยชีวิตเด็กเอาไว้ แต่กลับพบว่าเด็กคนนั้นเติบโตขึ้นมากลายเป็นฆาตกรต่อเนื่อง?

 

ย้อนกลับไปยังปลายปี 90 ค่อนปี 2000 วงการมังงะญี่ปุ่นเริ่มเป็นที่แพร่หลายมากขึ้นในทั่วทุกมุมโลก หลายเรื่องกลายเป็นที่ถูกอกถูกใจของแฟนๆ อย่างล้นหลามในเวลาอันสั้น หลายเรื่องถูกยกให้กลายเป็นตำนานประดับวงการ แต่หนึ่งในเรื่องราวที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดจากนักอ่านในช่วงเวลานั้นคือ Monster คนปีศาจ (1994-2001) 

 

Monster คือผลงานที่หลายคนต่างก็ยกย่องให้เป็นหนึ่งในมังงะชั้นเยี่ยมของนักเขียนมังงะชื่อดัง นาโอกิ อูราซาวะ (20th Century Boys, Yawara!, Asadora!, Master Keaton, Pluto และ Billy Bat) จนถึงขั้นมีคำกล่าวว่าหากผลงานของเขาสักเรื่องที่ควรจะถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์คนแสดงมากที่สุด หนึ่งในนั้นต้องหนีไม่พ้นเรื่องนี้อย่างแน่นอน 

 

ด้วยเนื้อหาสุดลึกลับชวนน่าติดตามที่มาพร้อมกับการสืบเสาะหาความจริงที่สะท้อนไปถึงรากเหง้าอันโหดร้ายและดีงามของมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง ก็ทำให้เรื่องราวที่สุดแสนจะเข้มข้นกลายเป็นที่ถูกอกถูกใจของนักอ่านส่วนใหญ่จนยกให้ผลงานของอูราซาวะเรื่องนี้เป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกที่พวกเขาต่างก็ชื่นชอบและแนะนำผู้อื่นมาจนถึงทุกวันนี้ 

 

อีกทั้งยังทำยอดขายได้มากถึง 20 ล้านเล่ม ทำให้ Monster กลายเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ของวงการมังงะญี่ปุ่นไปโดยปริยาย และทำให้ชื่อของ นาโอกิ อูราซาวะ ดังไกลไปครึ่งค่อนโลกในฐานะนักเขียนที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเป็นมนุษย์อย่างตรงไปตรงมา 

 

จนเมื่อปี 2009 New Line Cinema ได้พยายามติดต่อซื้อลิขสิทธิ์ พร้อมกับคว้าตัว Josh Olson คนเขียนบทที่เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์จากภาพยนตร์เรื่อง A History of Violence (2005) มาทำหน้าที่ดูแลและเขียนบทภาพยนตร์ แต่ด้วยปัญหาหลายอย่างๆ ก็ทำให้สตูดิโอต้องพับโปรเจกต์นี้ไป 

 

ต่อมาในปี 2013 ผู้กำกับมือทองอย่าง Guillermo del Toro ก็ได้ขุดความคิดที่จะเอา Monster ฉบับคนแสดงขึ้นมาทำให้เป็นจริงอีกครั้งด้วยการจับมือกับช่อง HBO ในการซื้อลิขสิทธิ์มาสร้างเป็นซีรีส์ แต่ด้วยปัจจัยที่ซับซ้อนหลายอย่าง ทำให้ต้องพับโปรเจกต์นี้ไปอย่างน่าเสียดาย Monster ฉบับคนแสดงจึงยังคงเป็นเพียงแค่ความฝันของแฟนมังงะต่อไป

 

 

Monster ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกลงในนิตยสาร Big Comic Original ปี 1994 ว่าด้วยเรื่องราวของ ดร.เคนโซ เท็นมะ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นศัลยแพทย์มือหนึ่งอนาคตไกลที่ต้องออกตามล่าตัวของฆาตกรต่อเนื่องที่มีชื่อว่า โยฮัน เด็กหนุ่มที่เขาเคยช่วยชีวิตเอาไว้ในตอนเด็ก และยิ่งชายหนุ่มออกเดินทางไปไกลมากเท่าไร เขาก็จะยิ่งได้พบกับความจริงที่จะสั่นคลอนความเชื่อของเขามากยิ่งขึ้น

 

Monster เป็นผลงานที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของอูราซาวะได้อย่างครบถ้วน เรื่องราวมักเน้นไปที่การตามสืบหาความจริงของตัวบุคคล และการสำรวจแง่มุมต่างๆ ของมนุษย์ ตัวละครเหล่านั้นเป็นเหมือนตัวแทน ‘ความซับซ้อน’ ที่ไม่ว่าจะทำสิ่งที่เลวร้ายแค่ไหน พวกเขาก็ยังมีแง่ความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่ นั่นก็เพราะอูราซาวะเชื่อมาตั้งแต่เด็กแล้วว่าโลกใบนี้ไม่ได้มีแค่ด้านที่สว่างไสวเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีด้านที่มืดมิดอยู่ด้วยเช่นกัน

 

การดำรงอยู่และจากลาของทุกตัวละครจึงมี ‘หน้าที่’ ในการนำเสนอด้านใดด้านหนึ่งของมนุษย์อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นตัวหลัก ตัวรอง หรือแม้กระทั่งตัวประกอบที่โผล่มาเพียงแค่ตอนเดียวก็ตาม พวกเขาทุกคนล้วนเป็นส่วนสำคัญที่สะท้อนถึงแง่มุมของมนุษย์ในแบบต่างๆ

 

ซึ่งการที่อูราซาวะหยิบยกเอาประเทศเยอรมนีในยุคสงครามเย็นมาเป็นพื้นหลังของเรื่องแทนที่จะเป็นประเทศญี่ปุ่นก็เพื่อให้คนอ่านได้มองเห็นถึงช่วงเวลาอันแร้นแค้นและผลพวงจากสงครามที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ และคนที่ประสบเคราะห์กรรมนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากตัวของมนุษย์ด้วยกันเอง ฉะนั้นการอนุมานว่าปีศาจที่น่ากลัวที่สุดคือมนุษย์ก็คงเป็นความจริงที่ยากจะปฏิเสธ

 

 

อูราซาวะไม่เพียงแค่ทำให้คนอ่านได้เข้าไปสำรวจถึงตัวตน และแง่มุมของมนุษย์ในหลากหลายรูปแบบ แต่ยังสะท้อนให้เห็นว่า การที่คนคนหนึ่งจะเป็นแบบไหนก็อาจมีที่มาจากธรรมชาติแวดล้อมที่เขาอยู่อาศัยด้วย อย่างไรก็ตาม การอยู่ในธรรมชาติเดียวกันก็สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นคนแบบไหนได้เช่นกัน เพราะมนุษย์มีหลายด้าน และการจะเป็นคนแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตัวเอง

 

ความเท่าเทียมจึงกลายเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อูราซาวะหยิบยกขึ้นมาตั้งคำถามตั้งแต่ชีวิตของผู้คนไปจนถึงความตาย ว่าอะไรคือสิ่งที่เท่าเทียมที่สุดสำหรับมนุษย์ทุกคน แน่นอนว่าคำตอบของคำถามดังกล่าวก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล และสำหรับตัวละครภายในเรื่องเองก็ไม่ต่างกัน พวกเขามีความเชื่อในแบบของตัวเอง แต่อะไรคือคำตอบที่ถูกต้องที่สุด การมีชีวิตอยู่หรือความตาย?

 

คำถามสำคัญที่ตามมาจึงเป็น การตัดสินใจแบบไหนคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุด? มองเผินๆ อาจคิดว่ามังงะเรื่องนี้เป็นแนวสืบสวนสอบสวนธรรมดาทั่วไปว่าด้วยศัลยแพทย์หนุ่มที่ตามหาตัวฆาตกรต่อเนื่องเพื่อล้างมลทินให้กับตัวเอง แต่แท้จริงแล้วการตามหาตัวฆาตกรของชายหนุ่มนั้นทำไปเพราะเขาคิดว่ามันเป็นความรับผิดชอบของตนที่ตัดสินใจทำอะไรบางอย่างลงไปในอดีตเสียมากกว่า ส่วนบทสรุปของฆาตกรทุกวันนี้ก็ยังเป็นที่ถกเถียงว่าเขาออกไปใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาทั่วไปหรือยังฆ่าคนอยู่ ด้านอูราซาวะเลือกที่จะไม่ฟังธง แต่ให้คนอ่านเป็นผู้ตัดสินชีวิตของตัวละครเอง

 

 

อีกสิ่งหนึ่งที่อูราซาวะได้ชี้ชวนให้คนอ่านเข้าไปสำรวจคือ ‘ชื่อ’ ที่ไม่ใช่แค่เครื่องมือยืนยันถึงตัวตนและการดำรงอยู่ แต่อีกด้าน ‘ชื่อ’ คือสิ่งที่แสดงถึง ‘ตำแหน่ง’ และ ‘อำนาจ’ ทางสังคม หากชีวิตที่เหลืออยู่ของมนุษย์คนหนึ่งกลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้จักอีกต่อไป ความสัมพันธ์ของตัวบุคคลที่มีต่อกันจะเปลี่ยนไปหรือไม่? 

 

แน่นอนว่าความเปลี่ยนแปลงที่ว่าจะต้องเกิดขึ้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง นั่นอาจหมายถึงมุมมองที่เรามีต่อมนุษย์คนหนึ่งด้วยเช่นกัน และอะไรคือสิ่งที่ยืนยันถึงตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์ ‘ชื่อ’ หรือ ‘เนื้อแท้’ สำหรับอูราซาวะการสำรวจลึกลงไปถึงสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของมนุษย์ทุกคนตั้งแต่เกิดจึงเป็นเหมือนการตั้งคำถามย้อนกลับมายังคนอ่านราวกับความหมายของมันมีมากกว่าที่ตาเห็น และต่อให้เห็นก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่เห็นจะเป็นความจริงทุกอย่าง

 

 

จุดเด่นอีกอย่างที่สำคัญของ Monster นอกเหนือจากการผูกปมเรื่องได้อย่างชาญฉลาด เนื้อหาที่สะท้อนไปถึงรากเหง้าของความเป็นมนุษย์ได้อย่างถึงแก่น และการตั้งคำถามถึงระบอบเผด็จการ สงคราม รวมไปถึงปรัชญาการดำรงอยู่ของมนุษย์ คือรูปแบบการนำเสนอที่แตกต่างจากแบบแผนมังงะทั่วไปในยุคนั้น ฮุราซาวะเลือกใช้วิธีการดำเนินเรื่องราวต่างๆ ของตัวละครให้ออกมาคล้ายคลึงกับวิธีที่ใช้ในการกำกับภาพยนตร์ โดยเขาให้เหตุผลว่า 

 

“วิธีที่ผมเข้าถึงการ์ตูน (มังงะ) น่าจะใกล้เคียงกับการสร้างสตอรีบอร์ดของภาพยนตร์ แต่เมื่อคุณเข้าสู่โลกของการสร้างภาพยนตร์มันมีข้อจำกัดมากมายที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่ตราบใดที่ผมมีปากกาและกระดาษ ผมก็สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้โดยไม่มีข้อจำกัด”

 

จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ผลงานชิ้นนี้ของอูราซาวะที่มีความยาวถึง 162 ตอน (ถูกสร้างเป็นอนิเมะทีวีซีรีส์จำนวน 74 ตอนในปี 2004-2005) จะกลายเป็นที่พูดถึงไม่เพียงแค่ในแง่ของความลึกลับชวนน่าติดตาม เพราะสิ่งสำคัญที่ทำให้ Monster สามารถจับจองหัวใจของแฟนๆ มังงะจากทั่วทุกมุมโลกมาอย่างยาวนานคือ เรื่องของความเป็นมนุษย์ที่ถูกสะท้อนออกมาจากตัวงานที่ไม่เพียงแค่พาเข้าไปสำรวจถึงชีวิตและจิตใจ แต่ยังตั้งคำถามกลับมายังคนอ่านได้อย่างชวนขบคิดและมีมิติราวกับเป็นโลกที่แสนสมจริงของเราทุกคน

 

สามารถรับชม Monster คนปีศาจ ฉบับอนิเมะจำนวน 30 ตอน (จากทั้งสิ้น 74 ตอน) ได้แล้ววันนี้ทาง Netflix

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising