Spotify แพลตฟอร์มสตรีมมิงเพลงและพอดแคสต์ที่มีจำนวนผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 600 ล้านคนใน 180 ประเทศ เผยว่าจำนวนศิลปินในประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นกว่า 3 เท่านับตั้งแต่ปี 2560 ที่บริษัทเข้ามาตีตลาดประเทศไทย โดยแนวเพลงที่ผู้ฟังชาวไทยนิยมมากที่สุดในตอนนี้ได้แก่ T-Pop, K-Pop, ไทยฮิปฮอป และอินดี้
หลังจากดำเนินธุรกิจมากว่า 7 ปีในประเทศไทย ตลาดสตรีมมิงเพลงมีการเติบโตอย่างมากจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาฟังเพลงผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลมากขึ้น แต่กระนั้น Spotify ก็ต้องรับมือกับการแข่งขันรอบด้านจากทั้ง JOOX ของ Tencent ที่มีจุดเด่นเรื่องการเข้าใจวัฒนธรรมของคนไทย หรือ YouTube Music ที่ผู้บริโภคสามารถดูวิดีโอพร้อมกับฟังเสียงได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งถือเป็นอีกสองตัวเลือกหลักของคนไทย
อย่างไรก็ตาม Spotify เองก็ต้องขยับเพื่อตอบสนองกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนไป โดย Gustav Back กรรมการผู้จัดการ Spotify ภูมิภาคเอเชียใต้ กล่าวถึงกลยุทธ์ที่ช่วยผลักดันตลาดเพลงในไทยพร้อมทั้งรักษาจุดแข็งในการแข่งขันของบริษัทว่า “ที่ Spotify เราเน้นสนับสนุนศิลปินในทุกระดับอย่างเท่าเทียม ผ่านแคมเปญ RADAR ที่ให้พื้นที่กับศิลปินหน้าใหม่, EQUAL ที่ให้ความสำคัญกับศิลปินหญิง และ GLOW สำหรับศิลปิน LGBTQIA+”
กลยุทธ์ดังกล่าวมีส่วนช่วยให้ศิลปินหลากหลายระดับเป็นที่รู้จักมากกว่าแค่ในประเทศของตัวเอง เห็นได้จากป้ายบิลบอร์ดในย่าน Times Square มหานครนิวยอร์ก ที่มีนักร้องวง 4EVE ถูกแสดงอยู่บนป้าย รวมถึงศิลปินคนอื่นด้วย เช่น ต่าย-อรทัย ดาบคำ หรือมิลลิ-ดนุภา คณาธีรกุล (MILLI) และคนอื่นๆ ซึ่งสะท้อนกลับมาเป็นผลลัพธ์ที่ว่าแนวเพลง T-Pop จากประเทศไทยเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นจากผู้ฟังนอกประเทศ โดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และออสเตรเลีย
นอกจากนี้ ในมุมของผู้ฟัง เพลย์ลิสต์ของ Spotify ได้ใช้เทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิงกับทีมกองบรรณาธิการเพลง (Music Editorial Team) ทำให้ผู้ฟังสามารถค้นพบศิลปินในแบบเฉพาะตัวด้วยอัลกอริทึมที่ออกแบบตามพฤติกรรมการฟังเพลงของแต่ละบุคคล และยังมีฟีเจอร์ ‘Song Sharing’ ที่ทำให้ผู้ฟังสามารถแบ่งปันเพลงที่ตนชอบให้ผู้อื่นเข้าถึงได้เพิ่มขึ้น ซึ่ง Gustav กล่าวว่า “คนไทยนิยมใช้ฟีเจอร์นี้มากเป็นอันดับต้นๆ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียน”
สำหรับประเด็นข้อพิพาทที่กำลังดำเนินอยู่ระหว่าง Apple และ Spotify ในเรื่องการกีดกันการสื่อสารกับนักพัฒนาแอปพลิเคชันสตรีมมิงเพลงต่างๆ รวมถึง Spotify ให้ไม่สามารถแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับช่องทางสมัครสมาชิกที่ราคาถูกกว่าให้แก่ผู้ใช้งานระบบ iOS ได้โดยตรง ซึ่ง Gustav ให้มุมมองในสิ่งที่เขาอยากเห็นจากความขัดแย้งครั้งนี้ว่า สุดท้ายแล้วสิ่งที่เป็นใจความสำคัญของเรื่องนี้คือการเข้าถึงบริการได้อย่างยุติธรรมและเท่าเทียม
“ผู้เล่นทุกคนรวมถึงผู้บริโภคสามารถเลือกรับบริการได้อย่างเสรี และหนทางต่อจากนี้สำหรับ Spotify คือความพยายามที่จะลดกำแพงการเข้าถึงทั้งของฝั่งศิลปินที่ต้องสามารถโปรโมตผลงานของตัวเองได้ และฝั่งผู้ใช้บริการที่จะต้องเข้าถึงข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับบริการของ Spotify ได้ดีขึ้น”
