มาถึงสโมสรที่ 3 ต่อจาก อาร์เซนอล และเชลซี เรามาต่อกันที่ทีมที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงเกมอุ่นเครื่องอย่าง ลิเวอร์พูล ซึ่งในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาลงแข่งแมตช์อุ่นเครื่องถึง 9 นัด โดยเก็บชัยชนะไปได้ 7 เกม และ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก เอเชีย โทรฟี่ 2017 ไปครอง ด้วยการเอาชนะเลสเตอร์ ซิตี้ไป 2-1
โดยเบื้องหลังความสำเร็จช่วงพรีซีซันนั้นเกิดจากการที่ เจอร์เกน คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน เริ่มทดลองใช้แท็กติกที่ลงตัวมากขึ้น โดยโยกเอาคูตินโญ กองกลางชาวบราซิลไปเล่นในตำแหน่งกองกลาง แทนที่จะเล่นในตำแหน่งกลางรุกในฝั่งซ้าย เพื่อเปิดโอกาสให้คูตินโญสร้างสรรค์เกมจากแดนกลางมากขึ้น โดยมี นักเตะใหม่อย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ผนึกกำลังกับซาดิโอ มาเนทำเกมรุกอยู่ 2 ฝั่งริมเส้น และโรแบร์โต เฟอร์มิโน เป็นหน้าเป้า
‘ห่วงหน้าพะวงหลัง’ กับตลาดซื้อขายนักเตะของลิเวอร์พูล
แม้ผลงานในช่วงพรีซีซันจะออกมาดี แต่ลิเวอร์พูลทำผลงานบนโต๊ะเจราจาซื้อขายนักเตะได้ยังไม่ดีเท่าที่ควร โดยครั้งนี้ลิเวอร์พูลได้นักเตะมาร่วมทีมทั้งหมด 3 คน ประกอบไปด้วย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกความเร็วสูงจากโรมา โดมินิก โซลันเก ศูนย์หน้าดาวรุ่งจากเชลซี และหนึ่งในทีมชาติอังกฤษชุดแชมป์โลก รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี และแอนดี้ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายจากฮัลล์ ซิตี้
แต่เป้าหมายหลักของลิเวอร์พูลดูจะประสบความสำเร็จเพียงแค่ซาลาห์ เพราะยังไม่สามารถคว้าตัว นาบี เกอิตา มิดฟิลด์ตัวเก่งจากแอร์เบ ไลป์ซิก และ เฟอร์จิล ฟานไดค์ กองหลังของเซาแธมป์ตัน ซึ่งคล็อปป์ตั้งเป้านำมาเสริมเกมรับของทีมได้
แต่ในระหว่างที่ทีมกำลังเดินหน้าเจรจาเพื่อคว้าตัวฟานไดค์ ดีลระดับโลกของเนย์มาร์ที่ย้ายไปร่วมทีมปารีส แซงต์ แชร์กแมง ด้วยค่าตัว 222 ล้านยูโร ทำให้บาร์ซาเบนเป้ามาที่คูตินโญ กองกลางคนสำคัญของลิเวอร์พูล ซึ่งด้วยเงินจำนวนมหาศาลที่บาร์ซาได้มา และความต้องการหานักเตะคุณภาพมาทดแทนเนย์มาร์ ทำให้ดีลของคูตินโญมีโอกาสเกิดขึ้นสูง
ลิเวอร์พูล อาจต้องลืมผลงานแมตช์อุ่นเครื่องของทีม หากต้องเสียคูตินโญ
การเดินทางเข้าไปคัมป์นูของคูตินโญ ในวัย 25 ปี หากตัดสินใจย้ายไปจริง ถือว่าเป็นทางเลือกที่ตรงกันข้ามกับเนย์มาร์ที่ต้องการออกจากบาร์เซโลนา เพื่อต้องการสร้างประวัติศาสตร์ของเขาเอง ซึ่งหากคูตินโญย้ายไป ก็อาจต้องอยู่ภายใต้เงาของลิโอเนล เมสซี ไม่ต่างกับเนย์มาร์
โดยที่ผ่านมา บาร์ซาได้ดึงนักเตะหลักของลิเวอร์พูลอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ ไปเมื่อปี 2014 หลังจากที่ซัวเรซพาลิเวอร์พูลก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์ได้อย่างสมศักดิ์ศรี ซึ่งสถานการณ์ในครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน เพราะว่าคูตินโญถือเป็นหัวใจสำคัญของทีม หลังจากฤดูกาลที่แล้วยิงประตูมากที่สุดในทีมไป 13 ประตู เทียบเท่ากับซาดิโอ มาเน รวมถึงจากฟอร์มการเล่นที่คล็อปป์เลือกใช้เขาในตำแหน่งกองกลางตัวสร้างสรรค์เกม
นัดที่ผ่านมา คูตินโญทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการจ่ายบอลทะลุช่อง เปิดบอลออกด้านข้างให้กับซาลาห์และมาเน นอกจากนี้ยังสามารถพาบอลบุกขึ้นหน้าได้อีกด้วย ผลของการปรับใช้แท็กติกใหม่ทำให้ลิเวอร์พูลสามารถเอาชนะทีมอย่างบาเยิร์น มิวนิก และแอธเลติก บิลเบา เสมอกับแอตเลติโก มาดริด ในรอบชิงชนะเลิศออดี้คัพ ซึ่งลิเวอร์พูลแพ้จุดโทษในเกมนั้น และเป็นเกมเดียวจาก 9 เกมที่พวกเขาแพ้ในช่วงพรีซีซัน
โดยทาง มิก้า ชูนวลศรี กองหลังลูกครึ่งไทย-เวลส์ ของสโมสรฟุตบอลแบงค็อก ยูไนเต็ด และแฟนสโมสรลิเวอร์พูลมองว่า หากฤดูกาลนี้ทีมไม่เสียผู้เล่นตัวหลักอย่างคูตินโญไป ทีมอาจมีโอกาสลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้
“คุณภาพที่เรามีตอนนี้ ถ้าเราไม่เสียคูตินโญไป เราก็มีโอกาสได้ลุ้น เรามาเสียช่วงที่มาเนเจ็บไป ถ้าเราขาดคนสองคน เราไม่สามารถทดแทนได้ เพราะฉะนั้นอยู่ที่นักเตะว่าจะยืนระยะได้หรือไม่ ถ้าทำได้ผมมองว่าจะเป็นทีมที่น่ากลัวที่สุดทีมหนึ่งในพรีเมียร์ลีก เพราะสถิติฤดูกาลที่ผ่านมาเราไม่แพ้ทีมใหญ่เลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น เราเป็นทีมที่มีคุณภาพอยู่แล้ว”
สำนักข่าวต่างประเทศเชื่อมั่นลิเวอร์พูลจะทำผลงานได้ดี แต่อาจต้องเสริมทัพ
แอนดี้ ฮันเตอร์ นักข่าวจากการ์เดี้ยน และฟิล ธอมป์สัน อดีตกองหลัง ตำนานทีมลิเวอร์พูลเชื่อว่า ลิเวอร์พูลจะสามารถทำผลงานได้ดีในฤดูกาลนี้ โดยมองว่าจากฟอร์มการเล่นในฤดูกาลที่แล้ว หากนักเตะฟิตสมบูรณ์ทุกคน ทีมจะสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างดีเยี่ยม
แต่ปัญหาที่ทั้งคู่เห็นตรงกันคือ จำนวนนักเตะในทีม ที่ตัวสำรองไม่สามารถทดแทนตัวจริงได้ เห็นได้ชัดจากตอนนี้ที่มาเนติดเดินทางไปแข่งขัน ศึกแอฟริกัน เนชันส์ คัพ ให้กับทีมชาติเซเนกัล รวมถึงช่วงที่เขาได้รับบาดเจ็บ ผลงานของลิเวอร์พูลก็ดรอปลงอย่างเห็นได้ชัด
รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ในแดนกลาง ซึ่งหากเสียคูตินโญไปจริง ธอมป์สัน มองว่า เอ็มเร่ ชาน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และจอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ไม่มีความสามารถพอที่จะสร้างเกมรุกให้กับทีมได้ รวมถึงเกมรับที่ยังเป็นจุดอ่อนของทีมอย่างชัดเจน ทำให้ลิเวอร์พูลจำเป็นต้องเสริมทัพทั้งกองกลางและกองหลัง ถึงจะมีความพร้อมสำหรับฤดูกาลนี้ที่ทีมใหญ่เดินหน้าเสริมทัพกันอย่างเมามัน ไม่ว่าจะเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่แก้ปัญหาเกมรับด้วยการซื้อกองหลังเพิ่ม 3 คน และผู้รักษาประตูเพิ่มอีกหนึ่งคน
สโมสรลิเวอร์พูลกำลังเข้าสู่ช่วงห่วงหน้าพะวงหลัง เนื่องจากการเริ่มต้นสร้างอนาคตที่มั่นคงของคล็อปป์กำลังเริ่มเห็นภาพรวม ด้วยปีกความเร็วสูง 2 ด้าน และกองหน้าที่พึ่งพาได้อย่างเฟอร์มิโน โดยมีคูตินโญเป็นศิลปินผู้ตวัดพู่กันวาดภาพจังหวะเกมรุกจากจิตนาการของคล็อปป์ให้กับเกมรุกของทีม
ในขณะเดียวกันคล็อปป์ก็หวังจะแก้ไขเกมรับด้วยการดึงเอาฟานไดค์ กองหลังตัวเก่งของเซาแฮมป์ตัน ซึ่งล่าสุดลิเวอร์พูลก็มีหวังมากขึ้น หลังจากที่ฟานไดค์ขอขึ้นบัญชีย้ายตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่แผนการสร้างทีมทั้งหมดของคล็อปป์อาจพังลง หากคูตินโญตัดสินใจก้าวไปหาความท้าทายใหม่กับบาร์เซโลนา และฟานไดค์ ซึ่งยังคงมีข่าวว่าเชลซี แชมป์เก่าต้องการตัว ตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมเชลซีแทน
สถานการณ์ของลิเวอร์พูลรองแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย ซึ่งสามารถกลับสู่ Top 4 ได้เป็นครั้งที่ 2 ใน 8 ฤดูกาลที่ผ่านมาดูจะต้องรอลุ้นไม่ใช่แค่เพียงผลงานในการออกสตาร์ท 5 นัดแรกในพรีเมียร์ลีกเท่านั้น แต่แฟนลิเวอร์พูลคงต้องรอลุ้นกับตลาดซื้อขายนักเตะจนถึงวินาทีสุดท้ายเลยทีเดียว
อ้างอิง:
- liverpooloffside.sbnation.com/2017/8/8/16114842/liverpool-2017-18-preview-summer-transfer-window-success-failure-salah-van-dijk-keita
- www.theguardian.com/football/blog/2017/aug/04/premier-league-2017-18-preview-liverpool
- eplindex.com/80562/liverpool-201718-team-preview.html
- www.thisisanfield.com/2017/08/peps-men-team-stop-man-city-201718-season-preview/
- www.skysports.com/football/news/11669/10969996/liverpool-201718-season-preview-will-klopp-deliver-a-trophy
- www.thesportreview.com/tsr/2017/08/liverpool-transfer-news-latest-philippe-coutinho-reject-barcelona/