เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.ศุภาลัย (SPALI) ตั้งเป้ายอด Presales ปี 2567 ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 25%) โดย 76% เป็นโครงการแนวราบ (มูลค่าเพิ่มขึ้น 37%) และ 24% เป็นคอนโดมิเนียม (มูลค่าลดลง 3%) บริษัทวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2567 มูลค่ารวม 5.0 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 69%) ทำจุดสูงสุดใหม่ โดย 87% เป็นโครงการแนวราบ (มูลค่าเพิ่มขึ้น 86%) และ 13% เป็นคอนโด 4 โครงการ (มูลค่าเพิ่มขึ้น 5%) การเลื่อนโครงการจากปีก่อน ~8.0 พันล้านบาทมาเปิดตัวใน 1Q67 จะทำให้มีการเปิดตัวโครงการแนวราบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.3 หมื่นล้านบาท
ในด้านทำเลที่ตั้ง โครงการเปิดใหม่มูลค่าราวครึ่งหนึ่งจะอยู่ในกรุงเทพฯ และอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือจะอยู่ในจังหวัดอื่นๆ โดยเชื่อว่า การเร่งเปิดโครงการใหม่มีเป้าหมายเพื่อสร้างยอดขายและต่อยอด Backlog ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ InnovestX Research คาดว่า กำไรสุทธิจะลดลงในปี 2566 และฟื้นตัวในปี 2567 ปัจจุบัน SPALI มี Backlog มูลค่า 1.57 หมื่นล้านบาท โดย 86% จะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2567 และส่วนที่เหลืออีก 14% จะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2568-2569 Backlog ส่วนที่ใหญ่ที่สุดในปี 2567 จะมาจากโครงการศุภาลัย ไอคอน สาทร ที่มี Backlog จำนวน 2.7 พันล้านบาท ซึ่งจะเริ่มโอนตั้งแต่ 2Q67 เป็นต้นไป
ส่วน 4Q66 คาดการณ์กำไรสุทธิที่ 1.9 พันล้านบาท (ลดลง 12.4%YoY แต่เพิ่มขึ้น 59.7%QoQ) ซึ่งบ่งชี้ว่า กำไรสุทธิปี 2566 จะลดลง 28% สู่ 5.8 พันล้านบาท เพราะได้รับแรงกดดันจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงอย่างมาก สำหรับปี 2567 คาดการณ์กำไรสุทธิที่ 6.69 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 14%) โดยอิงกับรายได้รวมที่ 3.34 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 6%) และอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะฟื้นตัวเล็กน้อย โดยได้รับการสนับสนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งจากโครงการศุภาลัย ไอคอน สาทร
การเข้าลงทุนในโครงการอีก 12 โครงการในออสเตรเลีย (JV ถือหุ้น 49.9%) มูลค่าการลงทุนรวม 1.26 หมื่นล้านบาท น่าจะแล้วเสร็จใน 1Q68 หลังจากชำระเงิน 2 ครั้งใน 1Q67 และ 3Q67 ซึ่งคาดว่าส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกในปี 2568 ในขณะที่ SPALI อยู่ระหว่างการพิจารณาขอสินเชื่อใหม่ในสกุลเงินต่างประเทศ เพื่อนำมาใช้สำหรับการลงทุนครั้งนี้บางส่วน ซึ่งอาจจะทำให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา หุ้น SPALI ปรับขึ้น 7.07% สู่ระดับ 19.70 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 2.32% สู่ระดับ 1,376.09 จุด
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
SPALI วางแผนธุรกิจปี 2567 ค่อนข้างท้าทาย โดยตั้งเป้ายอด Presales เติบโต 25% สู่ 3.6 หมื่นล้านบาท และเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้น 69% สู่ 5 หมื่นล้านบาท ทำจุดสูงสุดใหม่ InnovestX Research คาดว่ากำไรปี 2566 จะลดลง 28% โดยกำไร 4Q66 จะเพิ่มขึ้น QoQ แต่ลดลง YoY การเร่งเปิดโครงการใหม่และยอด Presales ที่เติบโตสูงจะช่วยต่อยอด Backlog ในอนาคต ซึ่งปัจจุบันมีอยู่น้อยและไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการเติบโตในปี 2568-2569
ด้วย Backlog ระดับต่ำในปี 2567-2568 และกำไรที่อ่อนแอใน 1Q67 จึงคงคำแนะนำ Tactical Call สำหรับ SPALI ไว้ที่ Neutral โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 23.80 บาทต่อหุ้น อ้างอิง P/E เฉลี่ย (16 ปี) ที่ 6.9 เท่า และคาดการณ์เงินปันผลสำหรับงวด 2H66 ที่ 0.35 บาทต่อหุ้น คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 1.8%
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ความเสี่ยงจากการดำเนินงาน: การเร่งเปิดโครงการใหม่และการลงทุนใหม่ในออสเตรเลีย ทำให้ต้องจับตาดูกระแสเงินสดและสถานะหนี้สินในปี 2567-2568 SPALI มีหุ้นกู้มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาทที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2566 ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 2.8-2.9%
ส่วนความเสี่ยงจาก ESG แม้ SPALI ได้มีการขออนุญาต EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) ก่อนการพัฒนาโครงการแล้ว ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม แต่ก็ยังมีกรณีคดีฟ้องร้องเกิดขึ้นในคอนโดบางโครงการ ซึ่งประเมินว่าเป็นความเสี่ยง ESG ในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม (มีผลกระทบต่อชุมชนบริเวณใกล้เคียง) และธรรมาภิบาล