×

Soul (2020) ขอเพียงแค่อยากมีชีวิต

24.04.2021
  • LOADING...
Soul (2020) ขอเพียงแค่อยากมีชีวิต

* เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์ 

 

“ฉันยังตายไม่ได้ ชีวิตฉันเพิ่งจะเริ่มต้น” 

โจ การ์ดเนอร์ ผู้อุทิศชีวิตให้กับดนตรีแจ๊ส 

 

“ฉันไม่มีเป้าหมาย ฉันอาจไม่ดีพอที่ควรจะได้ใช้ชีวิต” 

22 (ทเวนตี้ทู) ดวงวิญญาณที่ไปเกิดไม่ได้เพราะยังไม่พบ ‘ประกาย’ ของชีวิต 

 

สองแนวคิดจากวิญญาณสองดวงที่ทั้งตั้งคำถาม แสวงหาคำตอบ ควบคู่กันไปตลอดระยะเวลา 1 ชั่วโมง 40 นาที ของ Soul ตัวเต็งรางวัลออสการ์ในสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยมปีนี้ ผลงานกำกับของ พีท ด็อกเตอร์ ที่เคยคว้ารางวัลนี้มาแล้ว 2 ครั้งจากเรื่อง Up และ Inside Out 

 

ภาพยนตร์แอนิเมชันที่แม้สุดท้ายไม่ได้ให้คำตอบว่า ‘เป้าหมาย’ ของชีวิตคืออะไร แต่ช่วยยืนยันว่าชีวิตเป็นสิ่งสวยงามที่ทุกคนควรได้รับ ขอเพียงแค่มีความรู้สึก ‘อยากมีชีวิต’ ขึ้นมาก็พอ

 

Soul (2020)

 

เพราะหมกมุ่นกับความฝัน แม้กระทั่งเรื่องที่ควรยินดีก็ยังไม่น่าดีใจ

Soul เปิดเรื่องด้วยเสียงดนตรีที่ซึมเซาในห้องเรียนวิชาดนตรีชั้น ป.6 ที่บางคนแอบเล่นโทรศัพท์ บางคนไม่ได้เอาอุปกรณ์มา เมื่อมีคนเล่นพลาด คนอื่นๆ ก็พร้อมใจกันหัวเราะ มองเป็นเรื่องตลก ยกเว้น โจ การ์ดเนอร์ ที่แม้จะเป็นคุณครูพาร์ตไทม์ แต่ก็ตั้งใจสอนทุกคนให้ดีที่สุด 

 

เพราะสำหรับโจ ดนตรีแจ๊สคือชีวิตที่เขาเชื่อมั่นว่าเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ถึงขนาดที่ว่าการได้เลื่อนตำแหน่งเป็นคุณครูประจำ มั่นคง มีสวัสดิการ ทำให้แม่ภูมิใจ ก็ยังไม่ใช่เรื่องน่ายินดี เพราะเขายังเฝ้าฝันถึงวันหนึ่งที่จะได้ขึ้นไปพรมนิ้วลงบนเปียโนบนเวทีที่มีคนดู และได้รับการยอมรับในฐานะ ‘นักดนตรีมืออาชีพ’ อยู่เสมอ 

 

และเมื่อโอกาสนั้นมาถึง ลูกศิษย์ที่เคยปลุกปั้นติดต่อให้ไปออดิชันเข้าวงดนตรีของนักดนตรีในตำนาน โดโรธี วิลเลียมส์ เมื่อออดิชันผ่าน สายตาเขาก็มองไม่เห็นสิ่งใด นอกจากการเดินไปหาค่ำคืนแห่งฝันที่เป็นเป้าหมาย สุดท้ายเลินเล่อจนเดินตกท่อ ดวงวิญญาณล่องลอยไปสู่ The Great Beyond (ดินแดนหลังโลก) หรือเส้นทางที่นำไปสู่ความตายอันแท้จริง 

 

ขณะที่ดวงวิญญาณอื่นๆ กำลังเดินหน้าไปสู่ The Great Beyond โจพยายามวิ่งสวนทางเพื่อกลับไปทำสิ่งเดียวที่เขารอคอยมาตลอดชีวิต 

 

“ฉันยังตายไม่ได้ ชีวิตฉันเพิ่งจะเริ่มต้น”

 

Soul (2020)

Soul (2020)

 

เพราะความยิ่งใหญ่ไม่ใช่เป้าหมายหนึ่งเดียวในชีวิต 

วิญญาณของโจหลุดมาสู่ The Great Before (ดินแดนก่อนโลก) ที่เตรียมความพร้อมสร้างบุคลิกภาพ ลักษณะนิสัยให้กับดวงวิญญาณบริสุทธิ์ มีเงื่อนไขว่าดวงวิญญาณที่ไปเกิดเป็นมนุษย์ได้จะต้องค้นพบ ‘ประกายแห่งชีวิต’ (Spark) ให้ได้เสียก่อน 

 

โดยมีเหล่า ‘พี่เลี้ยง’ มากประสบการณ์มาช่วยแนะนำให้ค้นพบสิ่งนั้นได้ง่ายขึ้น และโจกลายเป็นหนึ่งในพี่เลี้ยงและได้รับมอบหมายให้ดูแล 22 ดวงวิญญาณที่ไม่เคยพบประกายนั้นมาเป็นเวลาพันปี 

 

แม้จะมีพี่เลี้ยงระดับโลกหลากสาขาอย่าง แม่ชีเทเรซา, มหาตมะ คานธี, อับราฮัม ลินคอล์น, จอร์จ ออร์เวลล์, คาร์ล จุง, นิโคลัส โคเปอร์นิคัส, มูฮัมหมัด อาลี มาเป็นไลฟ์โค้ชให้ก็ไม่สำเร็จ 

 

ดวงวิญญาณของโจเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอยากกลับไปมีชีวิต ในขณะที่ดวงวิญญาณของ 22 แสนแห้งเหี่ยว ไร้เป้าหมาย เพราะไม่มีอะไรทำให้ 22 มีความสุขได้เท่ากับการนั่งมองท้องฟ้าและไขปริศนาซูโดกุให้ได้ 

 

แต่เพราะที่ผ่านมาเคยเจอแต่พี่เลี้ยงที่ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่จนชินชา และตัวเองก็ไม่ได้ปรารถนาอยากเป็นอย่างนั้น พอมาเห็นนิทรรศการตลอดชีวิตที่ทั้งน่าเบื่อ เต็มไปด้วยความผิดหวัง ถูกปฏิเสธมานับครั้งไม่ถ้วนของโจ กลับทำให้ 22 รู้สึกสนใจได้มากกว่าว่าทำไมโจถึงอยากกลับไปมากขนาดนั้น

 

Soul (2020)

 

เพราะจิตใจว่างเปล่า ไร้ความคาดหวัง ทุกสิ่งเลยมีพลังและยิ่งใหญ่

วิญญาณของ 22 มีโอกาสลองใช้ชีวิตผ่านร่างกายและประสบการณ์ของโจในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ชีวิตของคนธรรมดาค่อนไปข้างล้มเหลวที่เคยปรามาสกลับค่อยๆ ทำให้ 22 ได้สัมผัสความรู้สึกหลายอย่างที่แม้แต่ปรัชญาของพี่เลี้ยงระดับโลกก็ให้ไม่ได้ 

 

ตั้งแต่กลิ่นและรสชาติของพิซซ่าที่อร่อยจนหายโกรธ, จากที่เคยทดสอบควบคุมร่างกายล้มเหลว 436 ครั้งก็พบว่าการเดินนั้นเพลิดเพลินและมีความสุข, ได้นั่งฟังคนเล่นดนตรี, ได้พบคนดีๆ อย่าง เดซ ที่แม้จะไม่ได้เป็นสัตวแพทย์อย่างที่ฝัน แต่ก็กลายเป็นช่างตัดผมที่ยอดเยี่ยมและมีความสุข, ได้แลกเปลี่ยนแนวความคิดเกี่ยวกับการเกิดและเป้าหมายของชีวิตกับผู้คน

 

เห็นความมหัศจรรย์ของการเย็บผ้าจากเข็มและด้ายหลอดเล็กๆ, เห็นความรักของแม่ที่มีให้ลูก, อบอุ่นเมื่อสายลมสัมผัสกาย และเพียงแค่เห็นเปลือกลูกไม้ร่วงหล่นก็ค้นพบได้ว่านี่คือความงดงามของชีวิต 

 

“บางทีการมองดูท้องฟ้าอาจจุดประกายฉัน หรืออาจจะเป็นการเดิน เพราะฉันเดินเก่งจริงๆ” 

 

อาจเพราะไม่เคยสัมผัส ทุกสิ่งเลยรู้สึกจริงและยิ่งใหญ่ในความรู้สึกของ 22 ผิดกับคนที่ผ่านโลกมาจนช้ำอย่างโจ ที่มองเห็นเรื่องนี้เป็นแค่การใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ไม่ใช่ ‘เป้าหมาย’ อะไรทั้งนั้น 

 

แต่เมื่อถูกจับกลับไปที่ The Great Before อีกครั้ง สัญลักษณ์ของประกายแห่งชีวิตแปรเปลี่ยนเป็น ‘บัตรผ่าน’ บนหน้าอกโดยที่ 22 ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพราะอะไร ก่อนที่จะมอบโอกาสนั้นให้โจได้กลับไปใช้ชีวิตและทำตามความฝันของตัวเอง

 

Soul (2020)

 

เพราะมัวแต่พยายามตามหา เลยไม่รู้ว่าตัวเองกำลังว่ายอยู่ในมหาสมุทร 

“เป้าหมายอย่างเดียวของผมคือการเล่นดนตรี นี่คือสิ่งที่ผมตั้งใจทำ และไม่มีอะไรหยุดได้” 

 

โจยืนยันคำพูดนี้กับโดโรเธียจนเธอใจอ่อนยอมให้เขาได้ขึ้นไปเล่นดนตรี ชีวิตของเขากำลังเริ่มต้น 

 

โจไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง เขาพรมนิ้วบรรเลงเพลง สอดประสานกับนักดนตรีในตำนานได้อย่างลื่นไหล ทันทีเสียงโน้ตตัวสุดท้ายสงบ เสียงปรบมือดังขึ้นไปทั่วร้าน เขาทำให้แม่ภูมิใจ นี่ล่ะคือสิ่งที่เขาใฝ่ฝัน หากแต่ความรู้สึกนั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วเวลาที่สั้นเหลือเกิน 

 

“พรุ่งนี้เราจะกลับมาที่นี่และทำทุกอย่างเหมือนเดิม” 

 

โดโรเธียที่เล่นดนตรีจนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตตอบกลับอย่างเรียบง่ายเมื่อถูกถามว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร เหมือนกับนิทานเรื่องปลาหนุ่มที่พยายามว่ายน้ำตามหามหาสมุทร โดยไม่เคยรู้เลยว่าผืนน้ำที่มันว่ายอยู่นั่นล่ะคือมหาสมุทรยิ่งใหญ่ที่ตามหา 

 

สิ่งที่โจรอมาทั้งชีวิต สุดท้ายก็ไม่ต่างอะไรกับทุกค่ำคืน ทุกช่วงเวลาในชีวิต เพราะประกายแห่งชีวิตของเขาคือดนตรีที่อยู่ในชีวิตของเขาทุกช่วงเวลาอยู่แล้ว 

 

Soul (2020)

 

เพราะ ‘ประกาย’ ไม่ใช่เป้าหมาย แต่เป็นความรู้สึก ‘อยากมีชีวิต’ 

เมื่อได้ทำตามความฝัน โจกลับไปที่ The Great Before อีกครั้งเพื่อคืนโอกาสให้กับ 22 ที่กลายสภาพเป็น ‘วิญญาณหลงทาง’ เพราะถูกกดทับด้วยความคิดว่าตัวเองดีไม่พอที่รู้สึกมาตลอดพันปี 

 

ความหวังดีและชีวิตที่ยิ่งใหญ่ของพี่เลี้ยงระดับโลกทั้งหลายที่ผ่านมา และความเชื่อว่าเป้าหมายคือทุกสิ่ง ทำให้ 22 ที่ยังไม่เจอสิ่งเหล่านั้นรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่าพอที่จะใช้ชีวิต 

 

จะว่าไปก็ไม่ต่างอะไรจากคนในยุคปัจจุบันที่เผชิญกับภาวะ Imposter Syndrome รู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า ไม่เก่งพอเมื่อเทียบกับชีวิตแสนพิเศษของคนอื่น 

 

ครั้งนี้โจไม่ได้กลับมาเพื่อมอบเป้าหมาย เขาเพียงกลับมายืนยันว่าขอเพียงแค่รู้สึกว่าอยากมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็น 22 หรือมนุษย์คนไหนก็สมควรได้ใช้ชีวิตด้วยกันทั้งนั้น 

 

ต่อให้ในอนาคต 22 จะต้องเผชิญกับเรื่องราวมากมายที่ทำให้ทุกข์ทน ผิดหวัง สูญเสีย ถูกเอาเปรียบ อยู่กับรัฐบาลห่วยแตกในโลกที่แสนเลวร้าย รวมทั้งการใช้ชีวิตประจำวันซ้ำๆ ที่ไม่อาจหลี่กเลี่ยง

 

แต่อย่างน้อยที่สุด 22 ก็จะได้ลิ้มรสชาติของความสุขจากการกินอาหารอร่อย ได้ทำในสิ่งที่ชอบ ได้โอบกอดคนที่รัก สนุกกับการเดินทาง เพลิดเพลินไปการสายลม ค้นพบความงดงามที่ซ่อนอยู่ในทุกๆ ที่ 

 

ทุกคนควรได้รับสิ่งนี้…ขอแค่มีความรู้สึกอยากที่จะใช้ชีวิตก็พอแล้ว 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising