วันนี้ (12 มีนาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรีถึงกรณีที่ประชาชนบางส่วนมองว่า เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางไปต่างประเทศแต่ไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายที่เสียไปและไม่มีผลงาน ว่า ปัจจุบันงบประมาณปี 2567 ล่าช้าไปมาก ซึ่งคาดว่าจะได้ใช้งบประมาณกลางเดือนเมษายน การวิพากษ์วิจารณ์เช่นนั้นจึงขัดแย้งกับข้อเท็จจริงอย่างมาก เพราะการที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไป 16 ประเทศ รวมถึงจังหวัดอื่นๆ ของประเทศไทย ถือเป็นมิติใหม่ที่ทำให้เห็นแนวคิดในการปรับเปลี่ยนประเทศให้เกิดการสร้างงานและดึงดูดการลงทุน จึงมองเป็นเรื่องที่ดี และเมื่อเทียบสิ่งที่ได้มากับค่าใช้จ่ายถือว่าน้อยมาก
ส่วนกรณีที่ เสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา ระบุว่า ให้นายกรัฐมนตรีอยู่ให้ถึงวันที่ 25 มีนาคม สมศักดิ์มองว่า นายกรัฐมนตรีอยู่ถึงอยู่แล้ว คำพูดดังกล่าวคงเป็นเพียงวาทกรรมที่พูดเพื่อให้การอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 ดูน่าสนใจ ฉะนั้นอย่าไปถือสาดีกว่า เพราะท่านไม่ได้เป็นหมอดูอะไร
ส่วนกรณีที่มีการมองว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อาจจะกลับมาไทยด้วยโมเดลเดียวกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จนทำให้กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายนั้น สมศักดิ์ย้ำว่า ยังอีกไกล เพราะคณะกรรมการวิสามัญนิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ขณะนี้เพิ่งเริ่ม จึงยังไม่ได้ดำเนินการอะไรมากมาย อีกทั้งการกลับมาก็มีกฎกติกาต่างๆ ทั้งการขอพระราชทานอภัยโทษและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว การพูดเรื่องนี้ตอนนี้จึงยังเร็วเกินไป
ส่วนประเด็นที่ประชาชนเกิดข้อสงสัยและสับสนว่า ระหว่างทักษิณกับเศรษฐาใครเป็นนายกรัฐมนตรี สมศักดิ์กล่าวว่า อย่าไปสับสน เศรษฐามีกฎหมายและเครื่องมือรองรับการเป็นนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่านายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปพบกับทักษิณที่จังหวัดเชียงใหม่ ย้ำว่าเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ประเด็น เพราะจะพบกันเมื่อใดก็ได้ กฎหมายไม่ได้ห้ามไว้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา แต่เท่าที่ดูไม่มีโปรแกรมจะเจอกัน
แจงผลงานแทนนายกฯ
ขณะที่ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ สว. กล่าวหานายกรัฐมนตรีเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศและไม่มีผลงานที่เป็นรูปธรรมว่า สว. ชุดนี้มาจากการแต่งตั้ง อาจจะมองไม่รอบด้าน เพราะผลงานในประเทศตั้งแต่วันแรกที่นายกรัฐมนตรีเข้ามามีการดำเนินการลดราคาพลังงาน เช่น ค่าไฟฟ้า รวมถึงการพักหนี้เกษตรกร ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าเราเร่งทำงานจนคนนึกว่าเรื่องเหล่านี้เราได้มาง่ายๆ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาลใช้ความพยายาม และเรายังมองถึงเรื่องการปรับโครงสร้างพลังงาน
ส่วนเรื่องการให้บริการทางด้านสาธารณสุขก็มีการฉีดวัคซีนไปแล้วล้านราย รวมถึงการยกระดับโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค หรือ 30 บาทพลัส ซึ่งเมื่อช่วงแรกมีการนำร่องใน 4 จังหวัด และปัจจุบันเพิ่มอีก 8 จังหวัด เป็น 12 จังหวัด ขณะที่ทางการเกษตรเราปรับขึ้นไป 40 เปอร์เซ็นต์ ยืนยันว่าทุกอย่างไม่ฟลุก แต่เกิดจากการบริหารจัดการทั้งสิ้น โดยเฉพาะราคายางพาราที่ขึ้นจาก 50 กว่าบาทต่อกิโลกรัม เป็น 80 กว่าบาท ย้ำว่าสิ่งเหล่านี้ต้องใช้การจัดการ ทั้งการหาตลาดและการป้องกันการนำเข้ามาแบบผิดกฎหมาย ส่วนราคาข้าวที่ในที่สุดก็ขึ้นสูง เป็นต้น
ขณะที่เรื่องการเดินทางไปต่างประเทศ ถ้ามองเป็นจุดๆ แบบแคบๆ และคอยหาแต่เรื่องจับผิด มันก็จะหาเจออยู่อย่างนั้น แต่ถ้ามองเป็นการบริหารแบบยุทธศาสตร์ที่มีความเชื่อมโยงกัน การที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปประเทศ ไปทำให้คนรู้จัก และทำให้เกิดการติดต่อค้าขายมากขึ้น ให้มีความมั่นใจขึ้น เพราะความมั่นใจคือพื้นฐานของเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย และอย่าลืมว่างบประมาณรายจ่ายประจำปี 2667 ยังไม่ผ่านสภา ซึ่งรัฐบาลใช้การบริหารจัดการทั้งหมดทั้งสิ้น ผลลัพธ์คือทำให้สร้างรายได้และเพิ่มโอกาสอย่างมากมาย
ส่วนเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตที่จะใช้ในการปรับโครงสร้างสำคัญ เรายังติดเกาะกฎหมายต่างๆ ทำให้เรายังไม่สามารถทำได้ ซึ่งขณะนี้เราพยายามฝ่าฟันและดำเนินการอย่างเต็มที่ ส่วนการท่องเที่ยว ยอดของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในปลายปี 2566 เราตั้งเป้า 25-28 ล้านคน และสองเดือนแรกก็เพิ่มมาอีก 50 เปอร์เซ็นต์ จึงอยากถามว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความพยายามที่เข้ามาหรือ และนี่ไม่ใช่ความพยายามที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางไปต่างประเทศของนายกรัฐมนตรีหรอกเหรอ
“นักวิจารณ์หลายคนบอกว่า ไป 3 จังหวัดภาคใต้ไปไม่ถึงฐานรากปัญหาของพื้นที่ ก็เพราะเราแก้ปัญหาแบบเดิมๆ มา 20 ปีไง ซึ่งตอนนี้เราแก้แบบเดิมนั่นแหละ แต่เราบวกด้วยวิธีใหม่” นพ.พรหมินทร์ กล่าว
ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจและการเพิ่มโอกาส ยกตัวอย่างผ้าพันคอและกระเป๋าที่นายกฯ ใช้ไปเยือนต่างประเทศ ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ หากจำกันได้ยังมีผ้าพันคอ Louis Vuitton ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากผ้าโพกหัวของชาวตะวันออกกลาง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่จะปรากฏผลในอนาคต
นพ.พรหมินทร์ ยังกล่าวถึงการลงทุนในระยะยาวว่า ซึ่งขณะนี้เรากำลังแก้กฎหมายและกฎระเบียบให้นักลงทุนเข้ามาสะดวกและง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งในระยะเวลาอันใกล้นี้จะเข้ามาอย่างชัดเจน โดยขณะนี้มีการติดต่อให้สร้างอีเวนต์สำคัญในประเทศอย่างน้อยประมาณ 3-4 รายที่กำลังเจรจากันอยู่ โดยทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่ใช่ผลงานหรือ หากเรามองกันอย่างแคบๆ และจ้องจับผิด ก็จะหาไม่เจอความสำคัญของสิ่งเหล่านี้