สมจิตร จงจอหอ เป็นที่จดจำในฐานะฮีโร่นักชกแชมป์โลกมวยสากลโอลิมปิกในปี 2008 ที่กรุงปักกิ่ง แต่น้อยคนจะรู้ว่าชีวิตตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เขาตระเวนมอบอุปกรณ์กีฬาและเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กนักเรียนกว่า 200 โรงเรียน รวมไปถึงการเปิดสมจิตรยิมที่อำเภอปากช่อง ที่ครอบครัวเขาอาศัยอยู่มานานกว่า 6 ปี
THE STANDARD มีโอกาสแวะเข้าไปที่สมจิตรยิม เพื่อพูดคุยถึงจุดเปลี่ยนของรูปแบบการใช้ชีวิต ตลอดจนการเสริมสร้างสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย พร้อมทั้งเสริมสร้างสุขอนามัย ซึ่งเมื่อก่อนก็ไม่ได้เข้มข้นเท่าวันนี้ แต่เพราะสถานการณ์ของโควิด-19 ทุกย่างก้าวในการใช้ชีวิต จึงต้องเพิ่มความระมัดระวัง เพื่อให้สอดรับกับรูปแบบของไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่จะเปลี่ยนไปแบบไหน เปลี่ยนอย่างไร ทำไมเราทุกคนจึงต้องปรับเปลี่ยนอย่างจริงจัง ร่วมเรียนรู้แนวทางการใช้ชีวิตบนวิถีใหม่ให้ห่างไกลโรคไปด้วยกัน
สานฝันสู่ยิมมวยมาตรฐานแห่งแรกของปากช่อง
สมจิตรเล่าว่า เมื่อก่อนอำเภอปากช่องยังไม่มียิมมวยที่เปิดจริงจัง เมื่อมีโอกาสเขาจึงอยากสร้างยิมมวยดีๆ มีมาตรฐานแบบในกรุงเทพฯ และไม่ได้ต้องการเปิดเพื่อหวังกำไร ขอแค่มีรายได้พอเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครูมวย และอยากให้คนในพื้นที่มีสถานที่ออกกำลังกายที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ในราคาที่เอื้อมถึง
“สมาชิกหรือนักเรียนที่มาเรียนที่นี่มีแทบทุกกลุ่ม ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่อยากต่อยมวย เพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรง ฟิตแอนด์เฟิร์ม ซึ่งล้วนแต่มีความตั้งใจที่จะดูแลสุขภาพตนเองอย่างจริงจัง” สมจิตรเล่า
โควิด-19 มาเยือน ยิมมวยมาตรฐานก็สะเทือนเหมือนกัน
“ทุกอย่างกำลังไปได้ดี จนกระทั่งการระบาดของโควิด-19 มาเยือน จังหวัดนครราชสีมาเป็นหนึ่งในจังหวัดกลุ่มแรกที่มีการประกาศล็อกดาวน์ ทุกคนก็รู้หน้าที่ตัวเอง อยู่นิ่งๆ ไม่ออกมาจับจ่ายที่ตลาด ไม่ออกมาซื้อของ กินอยู่แต่ที่บ้าน ใช้ของอย่างประหยัด ยิมมวยเองก็ต้องปิดถึง 2 สัปดาห์ พอมีการปลดล็อก ยิมสามารถเปิด
ได้แล้ว แต่คนก็ยังไม่ค่อยกล้าเข้ายิมเท่าไร เพราะยังกังวลในเรื่องการแพร่ระบาด และไม่ค่อยมั่นใจว่าสถานที่ เช่น ยิมหรือฟิตเนส ซึ่งมีจุดสัมผัสเยอะ จะมีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน เราจึงได้ทำความสะอาดยิมครั้งใหญ่ด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้สมาชิกมั่นใจในความสะอาด ถูกสุขอนามัย เมื่อมาที่นี่”
วิถีใหม่ปัจจัยที่ 5 ไฮจีน-ไลฟ์ ในแบบของฮีโร่นักชก
ไม่แต่เฉพาะมาตรฐานใหม่ของวิถีชีวิตของสมจิตรยิมเท่านั้น แม้แต่ฮีโร่นักชกที่เคยมั่นใจในสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงของตัวเองก็ยังต้องปรับวิถีชีวิตใหม่สู่ไฮจีน-ไลฟ์
“จริงๆ ก่อนมีโควิด-19 ผมก็ใช้ชีวิตตามปกติ เป็นผู้ชายสบายๆ เมื่อก่อนจะล้างมือเฉพาะเวลามือเลอะหรือก่อนออกจากห้องน้ำ เพราะคิดว่าตัวเองแข็งแรง เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะมีผลกับสุขภาพ แต่พอเกิดการระบาดของโควิด-19 ผมเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่เลย ใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และใช้เจลแอลกอฮอล์เวลาอยู่นอกบ้าน เพื่อช่วยปกป้องเราจากเชื้อโรค แรกๆ ก็ไม่ชิน แต่ทำบ่อยๆ จนกลายเป็นนิสัยไปแล้ว ส่วนที่ยิมมวยเราก็ยกระดับมาตรฐานการรักษาความสะอาดมากขึ้นกว่าที่ผ่านมาควบคู่กันไปด้วย”
ยกระดับสุขอนามัย มั่นใจ ปลอดเชื้อ เมื่อมาสมจิตรยิม
“เราเริ่มจากการทำความสะอาดพื้นฐานก่อนเลย ไม่ว่าจะเป็นยิมมวยหรือร้านกูโรตีชาชัก (ร้านโรตีและเครื่องดื่มของเขาที่ตั้งอยู่หน้าทางเข้ายิมมวย) ยิมมวยต้องสะอาดตลอดเวลา เพื่อรองรับการเข้ามาใช้บริการของสมาชิก ซึ่งจะมีประมาณ 10-20 คนต่อคลาส ด้วยจุดสัมผัสที่มีอยู่เกือบทุกแห่ง เราจึงต้องยกระดับสุขอนามัยในยิมตั้งแต่การตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้ายิม มีเจลแอลกอฮอล์บริการ จำกัดจำนวนสมาชิกต่อรอบ และทำความสะอาดทุกจุดที่มีความเสี่ยง ด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้สมาชิกมั่นใจในความสะอาด ถูกสุขอนามัย ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์และพื้นผิวสัมผัสด้วยสเปรย์ฉีดพ่นทำความสะอาด ร่วมกับการใช้น้ำผสมกับผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อตามจุดสัมผัสร่วมต่างๆ อาทิ ห้องน้ำ ก๊อกน้ำ และอุปกรณ์ภายในยิม เช่น เป้าเตะ เป้าต่อย นวม กระสอบทราย ราวเวที เพื่อให้สมาชิกมั่นใจในความสะอาด ถูกสุขอนามัย”
การเข้าร่วมโครงการวิถีใหม่ไกลโรค และรู้จัก L O V E ท่าล้างมือรูปแบบใหม่ที่มีความหมายมากกว่ารัก
นอกจากภาพของนักชก เจ้าของยิมมวย นักแสดง และพิธีกร ที่เราเห็นอย่างคุ้นชินแล้ว สมจิตรยังมีจิตสาธารณะมาอย่างยาวนาน ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา และเมื่อได้เข้าร่วมโครงการวิถีใหม่ไกลโรค ก็ได้นำความรู้มาถ่ายทอดสู่ชุมชนและเด็กๆ ไปพร้อมกัน
“ความร่วมมือและความรับผิดชอบของทุกคนเท่านั้นที่จะทำให้เราพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ได้ นี่คือบทสรุปที่ผมได้จากการร่วมกิจกรรมโครงการวิถีใหม่ไกลโรคที่แบรนด์เดทตอลร่วมกับภาคส่วนต่างๆ จัดขึ้น โดยเริ่มนำร่องในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาเมื่อปลายปีที่แล้ว เพื่อรณรงค์และส่งเสริมการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลและครัวเรือน ด้วยสื่อการเรียนรู้และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) สำหรับการลงพื้นที่ชุมชน นับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตของผมเปลี่ยนไป การส่งต่อองค์ความรู้ที่ถูกต้องสู่สังคมเริ่มจากการเป็นผู้ให้ความรู้กับ อสม. และ อสม. นำไปถ่ายทอดสู่พี่น้องในชุมชน จากนั้นก็บอกต่อกันไป เป็นการดูแลครอบครัวและสังคมของตนเองอย่างต่อเนื่อง และผมยังได้นำความรู้มาใช้กับการรักษาความสะอาดของตนเอง ครอบครัว และที่ยิมด้วย
“โครงการวิถีใหม่ไกลโรคไม่ใช่แค่เพียงมุ่งเน้นให้เราล้างมืออย่างถูกต้องเท่านั้น แต่ยังชี้ให้เห็นว่า มือที่สะอาดหมดจดคือจุดเริ่มต้นของการตัดวงจรการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่นำมาซึ่งความสะอาดและสุขอนามัยที่ดี ก่อนหน้านี้เราไม่รู้เลยว่าการล้างมืออย่างถูกวิธีต้องทำอย่างไร หรือถ้าเคยได้ยินก็อาจจะจำไม่ได้ หรือทำได้ไม่ครบถ้วน แต่ด้วยคอนเซปต์การล้างมือด้วยท่า L O V E ทำให้ทุกคนจำได้ง่ายและทำได้ครบถ้วน และถ้าทำบ่อยๆ ก็จะเคยชินและกลายเป็นนิสัยติดตัวไปเลย”
ร่วมปฏิญาณส่งต่อความรู้สู่ชุมชน
สมจิตรยังบอกอีกว่า การเข้าร่วมโครงการวิถีใหม่ไกลโรคถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตเปลี่ยนไป
“ผมเห็นประโยชน์ของการเปลี่ยนแปลงตรงนี้ เลยนำความรู้จากการเข้าร่วมโครงการมาเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเพื่อสังคมที่ผมทำอยู่ด้วย การขาดแคลนอุปกรณ์กีฬาเป็นความฝังใจของผมตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เมื่อผมมีโอกาสและกำลังทรัพย์จึงตั้งใจว่าจะมอบโอกาสการเข้าถึงอุปกรณ์กีฬาต่างๆ และอาหารกลางวันให้กับเด็กๆ ให้เขาได้ออกกำลังกาย ได้พัฒนาตามวัย ส่งเสริมการมีสุขภาพที่แข็งแรง เมื่อได้ร่วมโครงการวิถีใหม่ไกลโรคก็เลยนำความรู้และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดไปช่วยเสริมสร้างสุขอนามัยที่ดี โดยเฉพาะเรื่องการล้างมือและการทำความสะอาดพื้นผิวมาบอกต่อกับเด็กๆ และคนในชุมชนที่ผมไปทำกิจกรรมด้วย อย่างน้อยก็ทำให้เขาเห็นว่า สุขอนามัยเรื่องความสะอาดมีความสำคัญมากๆ บางบ้านมีแค่ยาสระผม ครีมอาบน้ำ แต่ไม่มีสบู่หรือเจลล้างมือ พอเขาได้รับสบู่ล้างมือ และได้รับการสอนล้างมือที่ถูกต้องด้วยท่า L O V E ที่จำง่าย แล้วลองไปทำดู เขาก็บอกเราว่า รู้สึกว่าการล้างมือแบบนี้สะอาดมากขึ้น เขาขอบคุณที่นำผลิตภัณฑ์มาให้ และสอนวิธีการล้างมือที่ถูกต้องด้วย เห็นเขาเปิดใจลองเปลี่ยนแปลง ผมก็รู้สึกดีไปด้วย”
ปรับเปลี่ยนสุขนิสัย ใส่ใจสุขอนามัย จะทำให้เราผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
“การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เราต้องเปลี่ยนตัวเอง เปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ ต้องหันมาดูแลตัวเองให้มากขึ้น โดยเฉพาะความสะอาด เมื่อทุกอย่างสะอาดปราศจากเชื้อโรค โรคภัยก็ไม่มา ภายใต้วิกฤตมีโอกาสให้เราเรียนรู้และปรับตัว ต้องอยู่กับมันให้ได้ด้วยการดูแลตัวเอง ดูแลคนรอบข้าง และสังคม ไปพร้อมกันๆ กัน
“สำหรับผม การรับผิดชอบต่อตัวเองและสังคมเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด และความร่วมมือของทุกคนเท่านั้นที่จะทำให้เราพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ได้” สมจิตรกล่าวทิ้งท้าย
โครงการวิถีใหม่ไกลโรค ริเริ่มขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2563 ภายใต้ความร่วมมือของบริษัท เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข โลตัส และมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อรณรงค์ให้เกิดการตระหนักถึงความสำคัญในการปกป้องตนเองและคนที่รักให้ห่างไกลจากโรคติดเชื้อต่างๆ ผ่านการสนับสนุนการดำเนินงานของตัวแทนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการลงพื้นที่เผยแพร่ความรู้ให้แก่คนในชุมชน อันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลและครัวเรือน โดยเน้นที่การล้างมือและทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสอย่างถูกวิธี ซึ่งเป็นพื้นฐานของการดูแลปกป้องตนเองรวมถึงคนในครอบครัวที่ทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ