การลงทุนครั้งประวัติศาสตร์กำลังจะเกิดขึ้นในโลกเทคโนโลยี เมื่อ SoftBank เตรียมปิดดีลครั้งใหญ่ด้วยเม็ดเงินมหาศาลกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.36 ล้านล้านบาท เพื่อเข้าถือหุ้นใน OpenAI บริษัทผู้สร้าง ChatGPT ที่กำลังมาแรงแซงทุกโค้ง
ตามรายงานของ CNBC การลงทุนครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้มูลค่าของ OpenAI ทะยานไปแตะ 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 10.2 ล้านล้านบาทเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้ SoftBank กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ OpenAI แซงหน้ายักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft ไปอย่างสิ้นเชิง
แหล่งข่าววงในรายงานว่า SoftBank วางแผนที่จะทยอยจ่ายเงินลงทุนก้อนมหึมานี้ภายในระยะเวลา 12-24 เดือนข้างหน้า โดยงวดแรกคาดว่าจะเริ่มจ่ายได้เร็วที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่จะถึงนี้ นอกจากนี้ SoftBank ยังเปิดโอกาสให้กลุ่มร่วมทุนอื่นๆ สามารถเข้าร่วมในดีลนี้ได้อีกด้วย วงเงินสูงสุดถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
การระดมทุนรอบใหม่นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ OpenAI เพิ่งได้รับการประเมินมูลค่าบริษัทล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยนักลงทุนประเมินไว้ที่ 1.57 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่กระแสข่าวล่าสุดกลับชี้ว่ามูลค่าที่แท้จริงของ OpenAI อาจสูงถึง 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 3.4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเล็กน้อย
คาดว่าเม็ดเงินลงทุนก้อนโตส่วนหนึ่งจะถูกนำไปใช้ในโครงการ Stargate ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง SoftBank, OpenAI และ Oracle โครงการนี้ริเริ่มโดย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายที่จะลงทุนเม็ดเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐในโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ของสหรัฐฯ
OpenAI ได้สร้างปรากฏการณ์เขย่าวงการ AI ด้วยการเปิดตัว ChatGPT ในช่วงปลายปี 2022 ซึ่งจุดประกายให้เกิดการแข่งขันในตลาด Generative AI อย่างดุเดือด ปัจจุบัน OpenAI ต้องขับเคี่ยวกับคู่แข่งมากมาย เช่น xAI ของ อีลอน มัสก์, Microsoft, Google, Amazon, Meta และ Anthropic ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าตลาด Generative AI จะมีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายใน 10 ปีข้างหน้า
เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ SoftBank เพิ่งประกาศว่าจะลงทุน 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี เพื่อนำเทคโนโลยีของ OpenAI มาใช้ในบริษัทและบริษัทในเครือ รวมถึง Arm นอกจากนี้ SoftBank และ OpenAI ยังประกาศจัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ SB OpenAI Japa เพื่อทำการตลาดเทคโนโลยีของ OpenAI ให้กับบริษัทต่างๆ ในญี่ปุ่นอีกด้วย
เมื่อเดือนมกราคม OpenAI ยังเปิดตัว ChatGPT Gov ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม AI ที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับหน่วยงานภาครัฐของสหรัฐฯ โดยชูจุดเด่นด้านความปลอดภัยที่เหนือกว่า ChatGPT Enterprise ซึ่ง ChatGPT Gov จะช่วยให้หน่วยงานภาครัฐสามารถป้อนข้อมูลที่ไม่เปิดเผยและมีความละเอียดอ่อนเข้าสู่โมเดล AI ของ OpenAI ได้อย่างปลอดภัย
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวว่า แซม อัลต์แมน ซีอีโอของ OpenAI พยายามที่จะเอาใจทรัมป์ โดยอัลต์แมนเคยบริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯให้กับพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ และยังเคยแสดงความชื่นชมทรัมป์ต่อสาธารณชนอีกด้วย
นอกจากนี้ การระดมทุนรอบใหม่ของ OpenAI ยังเกิดขึ้นหลังจากที่ DeepSeek สตาร์ทอัพ AI จากจีน สามารถขึ้นแท่นแอปพลิเคชันยอดนิยมบน App Store ของ Apple ได้ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งโมเดล R1 ของ DeepSeek สร้างความฮือฮาในตลาดสหรัฐฯ เนื่องจากมีรายงานว่า โมเดลดังกล่าวมีประสิทธิภาพสูง แต่ใช้ต้นทุนในการพัฒนาน้อยกว่าโมเดลของคู่แข่งในสหรัฐฯ อย่างมาก
อัลต์แมนเองก็ยอมรับว่าโมเดล R1 ของ DeepSeek น่าประทับใจ และยังโพสต์ข้อความผ่าน X ด้วยว่า “แน่นอนว่าพวกเราจะพัฒนาโมเดลที่ดีกว่านี้ออกมา และรู้สึกดีที่มีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาในตลาด”
ภาพ: Andrew Harnik / Getty Images
อ้างอิง:
