ธนาคารกลางสวิส (SNB) มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.50% สู่ระดับ 1.50% ในการประชุมวันนี้ (23 มีนาคม) ท่ามกลางปัญหาในภาคธนาคารจากกรณีของธนาคาร Credit Suisse
แถลงการณ์ของ SNB ระบุว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยในครั้งนี้มีขึ้นเพื่อต่อสู้กับแรงกดดันเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่สูงกว่ากรอบเป้าหมายของทางการที่ 2% พร้อมส่งสัญญาณด้วยว่าโอกาสที่ดอกเบี้ยจะถูกปรับเพิ่มขึ้นอีกในการประชุมครั้งต่อๆ ไปยังมีอยู่หากแนวโน้มเงินเฟ้อในระยะปานกลางยังไม่เข้าสู่ระดับที่มีเสถียรภาพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ประมาณการเศรษฐกิจล่าสุดของ SNB คาดการณ์ว่าระดับเงินเฟ้อของสวิตเซอร์แลนด์ในปีนี้จะอยู่ที่ 2.6% ก่อนจะลดลงสู่ระดับ 2% ในปี 2024 อย่างไรก็ดี เงินเฟ้อของสวิตเซอร์แลนด์ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมายังคงปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ระดับ 3.4% มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนของปีก่อน SNB ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องมาแล้วถึง 4 ครั้ง และยังยืนยันจุดยืนว่าจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อหากยังพบแรงกดดันเงินเฟ้อในระยะปานกลาง
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา SNB ตกเป็นที่สนใจของแวดวงการเงินทั่วโลกในฐานะผู้ที่ผลักดันคลุมถุงชนให้สองธนาคารสัญชาติสวิสที่เป็นคู่แข่งกันมานานอย่าง UBS และ Credit Suisse ควบรวมกิจการกัน โดยมีการให้สินเชื่อพิเศษ และการันตีว่าจะช่วยแบกรับการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากดีลนี้ถึงเกือบ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับ UBS ที่เป็นผู้เข้าซื้อกิจการของ Credit Suisse
ขณะเดียวกัน SNB ยังตัดสินใจทำให้ตราสารหุ้นกู้แปลงสภาพ AT1 หรือ Coco Bond ของ Credit Suisse ถูก Write Off จากมูลค่าประมาณ 1.73 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐกลายเป็นศูนย์ ซึ่งมีผลกระทบกับกองทุนหลายราย และส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อตราสารประเภทนี้ทั้งหมดที่มีตลาดใหญ่มูลค่าถึง 2.75 แสนล้านดอลลาร์
อ้างอิง: