กาแฟดี ขนมอร่อย และฟลามิงโกสีชมพู ที่ Sleep Industry Bed & Coffee

เดี๋ยวนี้เราได้เห็นห้องพักหรือเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์เปิดให้บริการกับ Airbnb มากมาย และแต่ละที่นอกจากจะมีห้องหับให้พักค้างคืนในสนนราคาที่ไม่โหดร้ายจนเกินไป บางที่ยังเปิดเป็นร้านอาหารหรือคาเฟ่เล็กๆ เพื่อช่วยกันแชร์ค่าใช้จ่ายให้ธุรกิจทั้งสองอย่างคงอยู่ได้ ที่สำคัญกิจการเล็กๆ ที่เจ้าของทำกันเอง ดูแลลูกค้าเองแบบนี้มักจะดีเสียด้วยสิ

เราอยากแนะนำให้คุณผู้อ่านได้รู้จักกับ Sleep Industry Bed & Coffee (สลีป อินดัสตรี เบด & ค็อฟฟี) ที่พักน่ารัก และคาเฟ่เล็กๆ แต่คุณภาพคับแก้ว ซึ่งเกิดจากการร่วมมือกันระหว่างสองเพื่อนสนิท คุณกฤษณ์-อนรรฆกุล และคุณโอม-ธีรรัชต์ แสงเรือง ที่ร่วมกันก่อตั้งที่นี่ขึ้นมา ด้านบนชั้น 3-4 เป็นห้องพักขนาดกำลังดี 30 กว่าตารางเมตร ซึ่งแบ่งสัดส่วนการใช้พื้นที่ได้อย่างลงตัว ตกแต่งสไตล์ลอฟต์ที่ดูดิบ โมเดิร์นแต่ก็ยังคงมีชีวิตชีวาด้วยดีไซน์แบบเท่ๆ และของตกแต่งชิ้นเล็กชิ้นน้อย สนนราคาห้องพักต่อคืนนั้นไม่แพงเลย อยู่ที่ประมาณ 1,500 บาทต่อคืนเท่านั้น ยิ่งอยู่ในโลเคชันใจกลางเมืองแบบนี้แล้วไปไหนมาไหนก็ยิ่งสะดวก

หน้าตาของห้องพักด้านบน

มีอยู่เพียง 2 ห้องเท่านั้น

The Vibe

ส่วนบริเวณชั้นล่างของ Sleep Industry เป็นคาเฟ่ ซึ่งนอกจากจะเสิร์ฟอาหารเช้าให้ผู้มาพักค้างคืนได้อิ่มท้องกันแล้ว ยังเปิดให้บริการกับลูกค้าทั่วไป ความดิบของสไตล์ลอฟต์ ถูกเพิ่มเติมชีวิตชีวาเข้าไปด้วยโครงไม้รูปทรงจั่วบริเวณบาร์กาแฟ กับสีสันสีชมพูสดใสของนกฟลามิงโก ต้นไม้สีเขียวที่นำมาจัดวาง และแจกันดอกไม้ สิ่งที่เราชอบมากๆ เกิดขึ้นตั้งแต่แรกเปิดประตูเข้าไปภายใน เพราะได้กลิ่นหอมของขนมอบลอยอบอวลไปทั่ว ให้ทั้งความรู้สึกหอมหวานและอบอุ่นได้ในคราวเดียวกัน

The Dishes

Egg Benedict

ไม่เพียงแต่เบรกฟาสต์สำหรับแขกที่ค้างคืนเท่านั้น ใครที่หาอาหารเช้ารับประทาน ที่ Sleep Industry เขาเสิร์ฟอาหารเช้าตั้งแต่เช้าไปจนถึงหัวค่ำก่อนร้านปิด เมนูอาหารอาจจะไม่ได้มีให้เลือกมากมายนัก แต่เชื่อใจได้ในรสชาติ เราลองสั่ง Egg Benedict (250 บาท) ก็พบว่าขนมปังที่วางรองเหนียวนุ่มกำลังดี ไข่แดงเยิ้ม และซอสฮอลแลนเดซก็รสดี ส่วนอาหารเช้าอื่นๆ ในเมนูก็อย่างเช่น Breakfast Set (220 บาท) และ Parmesan Waffles (220 บาท)

Pamesan Waffles (ซ้าย)

Breakfast Set (ขวา)

แต่ที่ Sleep Industry เด่นและเด็ดจริงๆ คือขนม เนื่องจากคุณโอม หนึ่งในหุ้นส่วนร้านนั้นเป็นเพสทรีเชฟ ซึ่งเคยผ่านงานทั้งจากนิวยอร์กและร้านชื่อดังของเมืองไทยมาแล้ว ขนมจานที่ได้ใจเราไปเต็มๆ คือ Double Fromage Cheesecake (100 บาท) หั่นมาชิ้นเล็กๆ ใช้ชีสมาสคาโปนมาทำเป็น 2 แบบ คือทั้งอบและมูส รสนุ่มหวานละมุนสุดๆ ตัดเปรี้ยวหน่อยๆ ด้วยสอดไส้เยลลีสตรอว์เบอร์รีผสมโป๊ยกั้ก จิบกับอเมริกาโนร้อนๆ สักแก้ว หรือลาเต้ก็กำลังดี

Double Fromage Cheesecake

Matcha Scone

ใครที่ชอบสโคนเนื้อแน่นแต่ออกแห้งสักหน่อยน่าจะชอบ Matcha Scone (85 บาท) ของที่นี่ คอนเฟิร์มว่าได้ทั้งรสและกลิ่นของชาเขียวเข้มข้น กับอีกอย่างที่เป็นสุดที่รักของเราคือ Canelé (ชิ้นละ 35 บาท) ซึ่งขนมคัสตาร์ดอบสไตล์ฝรั่งเศสชนิดนี้เรามักจะเห็นตามร้านได้ค่อนข้างน้อย ด้วยคานาเล่มีข้อจำกัดตรงที่ว่าทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วก็จะไม่อร่อยเอาเสียเลย จึงทำให้ไม่นิยมทำกัน แต่ที่ Sleep Industry ทำวันต่อวันในจำนวนที่จำกัด ข้างนอกกรอบ ข้างในนุ่มเหนียว แถมยังหอมและอร่อยมากกกกก (ขออนุญาตเติมกอไก่ให้หลายๆ ตัว)

Canelé

The Drinks

คุณกฤษณ์ หุ้นส่วนอีกคนเป็นคอกาแฟตัวจริง ที่ศึกษาเรื่องกาแฟมาอย่างจริงจัง เฮาส์เบลนด์ของที่นี่ใช้เมล็ดกาแฟทั้งนอกและในประเทศมาผสมกัน คั่วค่อนข้างเข้มแต่ก็มี acid นิดๆ เวลาสกัดชอร์ตจะเอาออกมาเพียงแค่ ริสเทรตโต (Ristretto) เพื่อลดทอนความเปรี้ยวความขมและเพื่อให้ได้รสชาติที่ชัด มีรสเจือช็อกโกแลต รสของข้าวสาลี กลิ่นจางๆ ของดอกชบา และแม้กระทั่งพริกไทย

เมล็ดกาแฟเฮาส์เบลนด์ของที่นี่

คั่วค่อนข้างเข้ม มี acid นิดๆ

สำหรับเครื่องดื่มเย็นสายสดชื่น แนะนำให้ลองจิบ AOT: Americano Orange Tonic (100 บาท) แก้วนี้คือกาแฟเอสเพรสโซผสมกับโทนิก เพิ่มรสหวานด้วยน้ำเชื่อมสกัดจากส้มแมนดารินสูตรลับของ Sleep Industry เมื่อดื่มแล้วจะรู้สึกสดชื่นจากความซ่าและได้รสหวานของส้มแมนดาริ

Nitro Cold Brew with Coconut Juice (ซ้าย)

Neapolitan Nitro Cold Brew (ขวา)

นอกจากนี้ยังมีเมนูกาแฟไนโตรโคลด์บริวให้เลือกด้วย เราได้ลองจิบ Nitro Cold Brew with Coconut Juice (120 บาท) ที่นำกาแฟไนโตรโคลด์บริว มาผสมกับ น้ำมะพร้าวแล้วเพิ่มรสชาติความหวาน ด้วยน้ำเชื่อมกลิ่นมะพร้าวผสมน้ำมะพร้าว ซึ่งจะช่วยให้กาแฟมีรสชาติที่แปลกใหม่ หรือใครอยากจะดื่มอะไรที่แปลกและหวานกว่านี้ก็ลองสั่ง Neapolitan Nitro Cold Brew (120 บาท) กาแฟไนโตรโคลด์บริวผสมนมสด เติมความหวานด้วยสตรอว์เบอร์รีไซรัป ซึ่งจะช่วยให้กาแฟมีความหวานละมุนลิ้นเพิ่มขึ้น เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ยังไม่เคยจิบ Nitro Cold Brew และเหมาะกับการแชะภาพอวดชาวโลกเป็นอย่างยิ่ง เพราะแก้วนี้เป็นเมนูที่มีสีสวยเป็นชั้นๆ ไล่ระดับกันถึง 3 สี ได้แก่ น้ำตาลเข้ม ขาว แดง