เมืองไทยน่าจะเป็นตลาดเพียงแห่งเดียวในโลกที่ Sizzler สามารถเติบโตและขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ธุรกิจในประเทศอื่นๆ กำลังเผชิญความท้าทายอย่างหนัก
กรีฑากร ศิริอัฐ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และการเงิน บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เผยว่า ตลอดระยะเวลาการดำเนินงาน 11 เดือนที่ผ่านมาในปี 2565 ของ Sizzler ภาพรวมมีการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เป็นไปตามกลยุทธ์และเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้
การเติบโตจากการเดินหน้าปรับโฉมสาขาเดิมที่มีอยู่ให้มีความทันสมัยมากขึ้น และขยายสาขาใหม่ภายใต้คอนเซปต์ Healthy Food Happy Mood ที่มุ่งเน้นร้านพื้นที่ขนาดกลาง มาพร้อมดีไซน์ใหม่ และเมนูอาหารรวมถึงสลัดบาร์พรีเมียม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- บุฟเฟต์ สลัดบาร์ 139 บาท วันธรรมดาคงไม่เห็นอีกแล้ว เมื่อ ‘Sizzler’ ปรับขึ้นราคาเต็ม 199 บาทรับต้นทุนพุ่ง แต่เพิ่มเมนูและออปชันใหม่เพียบ!
- กรณีศึกษา Sizzler กำลังสนใจ Subscription Model ส่งสเต๊กและอาหารสุขภาพถึงหน้าบ้าน วางราคาแพ็กเกจเป็นรายอาทิตย์
- นักโภชนาการและผู้เชี่ยวชาญด้านสมองของฮาร์วาร์ด แนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหาร 5 ชนิดนี้เพื่อรักษา ‘ความจำและโฟกัสให้เฉียบคม’
คอนเซปต์ใหม่เกิดขึ้นมาเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงในแต่ละพื้นที่ให้มากขึ้น โดยปัจจุบันได้เปิดตัวสาขาภายใต้คอนเซปต์ดังกล่าวไปทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ เทอร์มินอล 21 อโศก, เทอร์มินอล 21 พระราม 3 และโรบินสัน ราชพฤกษ์ รวมถึงมีแผนที่จะเปิดที่จังหวัดภูเก็ตภายในสิ้นปีนี้
ส่งผลให้ภายในสิ้นปี 2565 Sizzler จะมีสาขาทั่วประเทศทั้งหมดอยู่ที่ 61 สาขา นอกจากนี้ยังมีโมเดล Sizzler To Go ที่เน้นการให้บริการด้วยเมนูเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตประจำวันที่มีความเร่งรีบและต้องการความสะดวก เช่น สถานีรถไฟฟ้า โรงพยาบาล ปัจจุบันมีอยู่ 4 สาขา ซึ่งช่วยเพิ่มสัดส่วนยอดขายภาพรวมได้เป็นอย่างดี
“ยอดขายนั่งร้านที่เป็นหัวใจหลักกลับมาเป็นปกติแล้ว ในส่วนของเดลิเวอรี รวมถึงสั่งกลับบ้านก็มีสัดส่วนที่มาช่วยให้ยอดขายภาพรวมเป็นไปตามเป้าเช่นกัน แม้สถานการณ์ปัจจุบันจะทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มกลับมาเป็นปกติ คือการออกมารับประทานอาหารนอกบ้าน แต่ก็ยังมีผู้บริโภคบางส่วนที่นิยมเดลิเวอรีอยู่”
อย่างไรก็ตาม ผลพวงจากภาวะเงินเฟ้อและต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้สารพัดวัตถุดิบปรับขึ้นราคาลากยาวตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จนทำให้ Sizzler ซึ่งมี ‘บุฟเฟต์สลัดบาร์’ ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของราคาที่คุ้มค่า 139 บาท เฉพาะวันจันทร์-ศุกร์ และได้ปรับขึ้นราคาขึ้นมา 199 บาท ซึ่งจากเดิมราคาดังกล่าวเป็นราคาขายเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น
การเปลี่ยนแปลงนี้กรีฑากรย้ำว่า ไม่มีผลกระทบต่อรายได้ เนื่องด้วยจริงๆ แล้วราคาสลัดบาร์ของ Sizzler ราคาปกติคือ 199 บาท แต่ที่ผ่านมาคือได้จัดโปรโมชันในราคา 139 บาทมาโดยตลอด ทำให้อาจเป็นภาพจำในราคาดังกล่าว
“ปัจจุบันหากลูกค้าเป็นสมาชิก Sizzler ก็จะสามารถทานสลัดบาร์ได้ในราคาพิเศษ 159 บาท (สำหรับสาขากรุงเทพฯ และปริมณฑล) ซึ่งในส่วนของสลัดบาร์ก็จะมีความหลากหลายของเมนูมากขึ้น สลับหมุนเวียนกันไปตามฤดูกาล ในขณะที่สาขาต่างจังหวัดยังอยู่ที่ราคา 139 บาทเช่นเดิม”
ขณะเดียวกัน อนิรุทร์ เดวิด คอลลินส์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด (Sizzler) ในเครือเดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวว่า ในช่วงปลายปีถือเป็นอีกช่วงเวลาไฮซีซันที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีแนวโน้มจับจ่ายเพิ่มสูงขึ้น เนื่องด้วยเป็นช่วงเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองมากมาย Sizzler จึงได้ออก 3 เมนูเฟสทีฟ ได้แก่ สเต๊กหมูโทมาฮอว์ค ราคา 759 บาท, สเต๊กเนื้อไพรม์ริบ ราคา 2,899 บาท และสเต๊กเนื้อบีฟลอยน์และกุ้งลายเสือราคา 849 บาท
“สำหรับเมนูเฟสทีฟในปีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่แบรนด์นำเนื้อไพรม์ริบ เนื้อวัวนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย มาทำให้การเสิร์ฟเมนูสเต๊กที่เป็นจุดเด่นของ Sizzler มีความพรีเมียมยิ่งขึ้น”
สำหรับในปี 2566 Sizzler วางแผนทยอยปรับโฉมสาขาเดิม และขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีก 4-5 สาขา ไปพร้อมการนำเสนอเมนูใหม่ๆ ตามช่วงเทศกาลต่างๆ ตลอดจนการมอบสิทธิพิเศษผ่านระบบ E-Member เพื่อสร้างสีสัน และกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าจำนวน E-Member ปี 2566 เพิ่มขึ้นเท่าตัว