×

ษิทราทำใจแล้ว หากถูกฟ้องกลับเรื่องเปิดเผยเส้นทางการเงินนายตำรวจ ย้ำไม่มีปัญหาส่วนตัวกับ ผบ.ตร. เรียกร้องนายกฯ ตัดฝีร้ายใน ตร. ทิ้ง

โดย THE STANDARD TEAM
27.03.2024
  • LOADING...

วันนี้ (27 มีนาคม) ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ กล่าวว่า ตนเองทำใจไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าอาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดีหลังออกมาเปิดเผยข้อมูลเส้นทางการเงินวานนี้ (26 มีนาคม) โดยยืนยันว่า การแถลงเรื่องเส้นทางการเงินทั้งหมดเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถตรวจสอบได้ว่าเชื่อมโยงกับบุคคลที่ตนเปิดเผยชื่อไปก่อนหน้านี้จริง

 

ส่วนกรณีที่พบเส้นทางการเงินพาดพิงถึงสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ยืนยันว่ามีหลักฐานทางการเงินไปถึงบุคคลตำแหน่งอุปนายกในห้วงเวลานั้นจริง แต่ในปัจจุบันทางสมาคมฯ ได้มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ทำให้อุปนายกที่มีเงินโยงไปถึงไม่ได้ทำงานในตำแหน่งเดิมแล้ว ยืนยันว่าทางสมาคมฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นเพียงความผิดส่วนบุคคลเท่านั้น

 

ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ว่า การออกมาแถลงข่าวของตนเป็นการดิสเครดิต ษิทรายืนยันว่า ข้อมูลที่มีเป็นหลักฐานที่มีคนนำมาให้ อีกทั้งเมื่อวานนี้ยังพบข้อมูลเส้นทางการเงินใหม่ที่พบบัญชีม้าชื่อ ณัฐพล โอนทำบุญที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดฉะเชิงเทราเกือบ 200,000 บาท และหลังจากนั้นสองวัน พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ ก็เดินทางไปทำบุญที่วัดดังกล่าว ซึ่งบัญชีม้านี้เป็นบัญชีเดียวกับที่เงินเว็บพนันโอนไปให้ครอบครัว พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ ทั้งพี่ชาย พี่สาว และภรรยา

 

ษิทราระบุว่า เหตุใด พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ ถึงไม่มีการชี้แจงเรื่องนี้ ส่วนบัญชีม้าที่โอนเงินให้ทางพี่ชาย ซึ่งพี่ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่รับราชการระดับสูง แต่ในเบื้องต้นเส้นทางการเงินจากบัญชีม้ายังไม่พบว่าโอนตรงไปถึง พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ 

 

ส่วนตัวมองว่าพฤติการณ์เรื่องเส้นทางการเงินทำบุญของ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ ควรได้รับการตรวจสอบในมาตรฐานเดียวกันกับ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่มีการตรวจสอบก่อนหน้านี้ด้วย และยืนยันว่าที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลเรื่องนี้ไม่ได้เป็นการดิสเครดิต ผบ.ตร. เพราะไม่เคยมีปัญหาส่วนตัวกัน 

 

ษิทรากล่าวว่า การที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลเรื่องนี้ถือเป็นประโยชน์กับสังคมที่จะได้รับทราบข้อมูลการกระทำความผิด แต่ทางด้านนายกรัฐมนตรีกลับไม่ให้ความสำคัญ ตอนนี้มองว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นฝีร้าย นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรเป็นแพทย์ใหญ่ผ่าตัดฝีนี้ทิ้งไปแล้วปฏิรูปองค์กรตำรวจ 

 

ส่วนกรณีที่จะยื่นเรื่องกับ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในวันพรุ่งนี้ (28 มีนาคม) ยอมรับว่า ไม่มั่นใจว่าเรื่องที่ส่งไปจะถูกดำเนินการต่อหรือไม่ เพราะเชื่อว่าที่ผ่านมาทุกฝ่ายก็มีข้อมูลเรื่องเส้นทางการเงินนี้อยู่แล้ว ซึ่งหากหลังจากนี้ให้ข้อมูลแล้วไม่มีการดำเนินคดีใดๆ ก็จะนำเรื่องไปยื่นต่อนายกรัฐมนตรีต่อ แต่หากนายกรัฐมนตรีไม่สนใจก็จะนำเรื่องนี้ไปยื่นกับผู้นำฝ่ายค้าน พร้อมปฏิเสธว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองหรือดีลลับพรรคฝ่ายค้าน เพียงแค่ร้องเรียนหาที่พึ่งให้ทุกอย่างโปร่งใสเท่านั้น

 

ส่วนกรณีที่หลายคนมองว่าตัวเองอยู่ภายใต้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ษิทรายอมรับว่าสนิทกับ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ จริง แต่การออกมาเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดเพราะอยากให้การดำเนินคดีเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันเท่านั้น 

 

ส่วนที่ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ระบุว่า การออกมาเปิดเผยเรื่องเส้นทางการเงินครั้งนี้ ใครที่เป็นคนเปิดเผยก็ต้องรับผิดชอบเอง ษิทรากล่าวย้ำว่า มีหลักฐาน และพร้อมแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่พูด 

 

ทั้งนี้ หลังจากที่แถลงข่าวจนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครโทรศัพท์มาคุกคาม แต่ตัวเองก็ระมัดระวังตัวไว้อยู่แล้ว เพราะรู้ว่าสู้อยู่กับใคร และอะไรก็เกิดขึ้นได้ในอนาคต ส่วนที่ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ ปฏิเสธว่าไม่ได้สั่งให้ระดับผู้กำกับการโทรศัพท์ไปสอบถามข้อมูลกับตัวเองก่อนแถลงข่าว ษิทรากล่าวยืนยันว่า มีจริง แต่ไม่ข้อเปิดเผยว่าตำรวจระดับผู้กำกับการเป็นใคร หาก พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ ปฏิเสธว่าไม่ได้ส่งใครมาสอบถามข้อมูลก็มองว่าต้องมีใครคนใดคนหนึ่งโกหก แต่ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้โกหก

 

ษิทรากล่าวว่า ตนเองจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ เพราะยังมีข้อมูลที่จะเปิดเผยอีกมาก แต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลเดิมที่เคยออกมาเปิดเผยหรือไม่ หรือเกี่ยวกับหน่วยใดอีก

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising