วันนี้ (3 เมษายน) ที่สวนลุมพินี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย น.ต. ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) หมายเลข 11 พร้อมด้วย ดร.เมลิสา มหาพล ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) หมายเลข 4 เขตปทุมวัน พรรคไทยสร้างไทย ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนที่มาออกกำลังกายและพักผ่อนหย่อนใจในช่วงเช้า พร้อมสอบถามถึงภาพรวมของภูมิทัศน์และพื้นที่ทางกายภาพต่างๆ ภายในสวนลุมพินี ทั้งงานก่อสร้างทางจักรยาน งานก่อสร้างอาคาร งานปรับปรุงอาคาร และการปรับปรุงสะพานข้ามคูน้ำภายในสวน รวมถึงระบบไฟฟ้าส่องสว่างต่างๆ และการฟื้นฟูสภาพต้นไม้ขนาดใหญ่ ว่ามีส่วนใดหรือพื้นที่ใดภายในสวนลุมพินีที่ต้องปรับปรุงแก้ไขหรือไม่ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่สีเขียวแห่งนี้อย่างคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า หลายคนสะท้อนความคิดเห็นว่า สภาพแวดล้อมภายในสวนสาธารณะแห่งนี้ถือว่าได้มาตรฐาน และได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง แต่สวนสาธารณะที่ได้มาตรฐานเช่นนี้ ยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของพี่น้องชาวกรุงเทพฯ หากเป็นไปได้ ต้องการเห็นพื้นที่สีเขียว โดยเฉพาะสวนสาธารณะที่ได้มาตรฐานและสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง สามารถรองรับพี่น้องประชาชนได้อย่างเพียงพอ
จากความต้องการดังกล่าว น.ต. ศิธาระบุว่า พรรคไทยสร้างไทยมีนโยบายเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้คนกรุงเทพฯ สามารถใช้งานได้จริง โดยภายใน 4 ปี จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวที่ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้ได้ โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 9 ตารางเมตรต่อคน ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) และโครงการต่างๆ ของกรุงเทพฯ ต้องเป็นโครงการสีเขียว เช่น ตึกรักษ์โลก หลังคาเขียว ถนนเขียว และสวนคนเมือง
น.ต. ศิธากล่าวเพิ่มเติมว่า พื้นที่สีเขียวในรูปแบบสวนสาธารณะและสวนหย่อม มีรวมกันมากกว่า 7,610 แห่ง คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 22,098 ไร่ โดยอัตราพื้นที่สีเขียวต่อประชากรเฉลี่ย 6.97 ตารางเมตรต่อคน แต่สภาพความเป็นจริงพบว่าพื้นที่สีเขียวที่ประชาชนสามารถใช้งานได้จริง มีเพียง 0.92 ตารางเมตรต่อคน ซึ่งถือว่าไม่เพียงพอต่อความต้องการ
ดังนั้น พรรคไทยสร้างไทยจึงมีแนวคิดที่จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้เป็นไปตามมาตรฐานของ WHO โดยนำที่รกร้างว่างเปล่า หรือที่ของเอกชนที่ยังไม่ได้มีโครงการหรือแนวคิดจะพัฒนาที่ดิน มาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยเข้าไปเจรจากับเอกชนเพื่อเช่าที่ดินในระยะยาว และนำมาต่อยอดพัฒนาเป็นสวนสาธารณะ เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้คนกรุงเทพฯ ได้ใช้งาน
“เราเคยนำพื้นที่รกร้างว่างเปล่าในเขตสนามบินมาทำเป็นสนามจักรยาน ทำสวนพักผ่อนหย่อนใจ ทำพื้นที่สันทนาการให้กับพี่น้องประชาชนรอบสนามบินสุวรรณภูมิมาแล้ว ในปีหนึ่งมีคนมาใช้บริการเกินล้านครั้ง และได้พัฒนามาจนถึงปัจจุบัน กลายเป็นสนามจักรยานที่ดีอันดับต้นๆ ของโลก
“ในส่วนของ กทม. พื้นที่ที่จะนำมาใช้ เริ่มจากพื้นที่ในส่วนรับผิดชอบของ กทม. เอง, พื้นที่ของหน่วยงานราชการอื่นๆ, พื้นที่ของรัฐวิสาหกิจ และพื้นที่ของเอกชน ซึ่งในปัจจุบันพื้นที่ของเอกชนจะต้องเสียภาษีสำหรับที่ดินที่ยังไม่ได้นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เอกชนจึงใช้วิธีปลูกพืชเพื่อสำแดงว่าเป็นพื้นที่เกษตรกรรม เราจะเสนอให้ปรับแก้กฎหมายโดยสามารถนำพื้นที่มาใช้เพื่อสาธารณะประโยชน์ โดยนำมาลดหย่อนภาษีกลับได้เช่นกัน” น.ต. ศิธากล่าวในที่สุด