×

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ศาลอาญารับฟ้อง คดีที่สิระฟ้องเสรีพิศุทธ์หมิ่นประมาท หลังลาออกจาก กมธ. นัดสอบคำให้การปีหน้า

โดย THE STANDARD TEAM
01.12.2022
  • LOADING...
สิระ เจนจาคะ

วันนี้ (1 ธันวาคม) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลชั้นต้นนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีหมายเลขดำที่​ ​อ.​2867/2563 ที่ สิระ เจนจาคะ อดีต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และประธานกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ​ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา

 

กรณีสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2563 สิระ โจทก์ได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากการเป็นกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ จำเลยจึงทำหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 10 กันยายน 2563 และยื่นหนังสือดังกล่าวผ่านสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร​ว่า​ โจทก์มีหนังสือขอลาออกจากการเป็นกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ จำเลยในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ​ จึงขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อตั้งกรรมาธิการแทนที่ว่าง และมีข้อความในย่อหน้าสุดท้ายว่า

 

เนื่องจาก สิระ​ เจนจาคะ​ เป็นกรรมาธิการที่ไม่มีความรู้ และไม่สนใจปฏิบัติหน้าที่ ขาดการประชุมบ่อยครั้ง เข้าประชุมแต่ละครั้งเพียง 1 นาที หรือไม่เกินครึ่งชั่วโมง เพียงหวังรับเบี้ยประชุมเท่านั้น จึงขอให้แจ้งทางพรรคได้พิจารณาบุคคลที่มีความรู้ความเหมาะสมกับตำแหน่งมาปฏิบัติหน้าที่ ต่อมาสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้เผยแพร่หนังสือดังกล่าวในเว็บไซต์ของสภาผู้แทนราษฎร

 

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกฟ้อง ตั้งแต่ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์

 

วันนี้ สิระ โจทก์และผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยมาศาล​เพื่อฟังคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วตามทางไต่สวนมูลฟ้องได้ความว่า​

 

โจทก์เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ และเป็นประธานคณะกรรมการที่การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน​ จำเลยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย และเป็นประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ จำเลยเป็นประธานกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ​ 

 

มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า คดีโจทก์มีมูลหรือไม่เห็นว่าการหมิ่นประมาทนั้นเป็นการกระทำโดยใส่ความ คือบอกกล่าวข้อความอันเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว หรือกำลังเกิดขึ้นอยู่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริง เป็นการกล่าวหาผู้อื่นต่อบุคคลที่สามให้ได้รับความเสียหาย และข้อความดังกล่าวจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือไม่

 

จากถ้อยคำที่จำเลยกล่าวในหนังสือประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ว่าโจทก์เป็นกรรมาธิการไม่มีความรู้ และไม่สนใจปฏิบัติหน้าที่ ขาดการประชุมอยู่บ่อยครั้ง เข้าประชุมแต่ละครั้งไม่เกินครึ่งชั่วโมงเพื่อหวังเบี้ยประชุมเท่านั้น​ มีลักษณะเป็นการยืนยันว่าโจทก์ขาดคุณสมบัติในการทำหน้าที่กรรมาธิการในคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการ​ทุจริต​และประพฤติมิชอบ​มิชอบสภาผู้แทนราษฎร

 

ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนทั่วไปถูกดูหมิ่นเหยียดหยามว่า โจทก์​ไม่มีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นคนไม่ดี ไม่ซื่อตรง หรือทุจริตประพฤติมิชอบเสียเอง ถ้อยคำดังกล่าวจึงอาจทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง​ อันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทได้​ ประกอบกับได้ความตามที่โจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า โจทก์กับจำเลยมีข้อพิพาทกันมาก่อน​

 

จำเลยกล่าวถ้อยคำดังกล่าวในหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยไม่สุจริตมุ่งจะทำลายชื่อเสียงของโจทก์ ทำให้ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง​ ได้รับความเสียหาย

 

คดีโจทก์จึงมีมูลให้ประทับรับฟ้องและพิจารณา ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วยอุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น​ พิพากษากลับให้ประทับรับฟ้อง​ และนัดจำเลยมาสอบคำให้การ​ ตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดวันนัดสืบพยานในวันที่ 20 มีนาคม 2566 เวลา 13.30 น.

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising