ถึงวันนี้ ‘สิงห์’ แบรนด์ที่มีอายุกว่า 90 ปี ยังสามารถครองส่วนแบ่งอันดับ 1 ของตลาดน้ำดื่มในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี แถมที่ผ่านมายังได้พยายามสร้างความแตกต่างให้กับน้ำดื่มของตนเองมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งล่าสุดน้ำดื่มสิงห์ได้เปิดตัวบรรจุภัณฑ์ขวดใสรักษ์โลกเป็นครั้งแรก การันตีว่ารีไซเคิลได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ มั่นใจสร้างยอดขายทั้งปีโต 7%
สิ่งที่น่าสนใจของน้ำดื่มสิงห์ขวดใสรักษ์โลกนั้นเป็นนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ PET 1 สามารถรีไซเคิลได้ร้อยเปอร์เซ็นต์จากการออกแบบโลโก้ลายนูนบนขวดแทน เพื่อช่วยลดการใช้ฉลากพลาสติกลง 16 ตันต่อปี และสามารถนำขวดไปรีไซเคิลได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการบดคัดแยกฉลาก ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ตั้งแต่กระบวนการผลิตไปจนถึงการขนส่ง
ที่สำคัญน้ำดื่มสิงห์ขวดใสรักษ์โลกจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกให้กลุ่มวัยรุ่น Gen Z ตัดสินใจซื้อ เพราะวันนี้จะเริ่มเห็นว่าคนกลุ่มนี้จะสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมากขึ้น เบื้องต้นการเปิดตัวน้ำดื่มสิงห์บรรจุภัณฑ์ใหม่ขวดใสรักษ์โลกในครั้งนี้จะนำร่องจำหน่ายด้วยขนาด 1.5 ลิตรก่อน เพราะขนาดไซต์มีปริมาณมากที่สุด คนเน้นดื่มที่บ้าน ซึ่งมีวางจำหน่ายในรูปแบบแพ็กเท่านั้น ผ่านห้างค้าปลีกโลตัสเป็นช่องทางแรก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
“จากนี้อยู่ในช่วงพิจารณาว่าจะพัฒนาน้ำดื่มสิงห์ขวดใสรักษ์โลกขนาดอื่นๆ ออกมาสู่ตลาด แต่ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายของ อย. กำหนด เพราะข้อจำกัดการทำบรรจุภัณฑ์ต้องแสดงรายละเอียดของตราสินค้า ปริมาตร และเลข อย. ให้ผู้บริโภคมองเห็นได้อย่างชัดเจน” พรรณทิพย์ ลีตะชีวะ ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาดแบรนด์น็อนแอลกอฮอล์ บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด กล่าว
สิงห์ยอมรับว่า แม้จะไม่ใช่เจ้าแรกที่ทำสินค้าในรูปแบบนี้ แต่ก็อยากเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยการจับมือกับโลตัส พร้อมจัดทำแคมเปญ ‘แยก แลก ลุ้น’ โดยเมื่อผู้บริโภคซื้อน้ำดื่มสิงห์ขวดใสแบบใหม่ จะได้ร่วมโครงการรักษ์โลกไปพร้อมกัน โดยจะได้รับ Recycle Bag สำหรับแยกขวด PET เพื่อนำขวดพลาสติกที่ใช้แล้วมาคืนทุกวันอาทิตย์สิ้นเดือนที่โลตัส 30 สาขา
พร้อมกันนี้ ยังได้ร่วมทำโครงการสิ่งแวดล้อมกับแบรนด์แฟชั่นของไทยอย่าง Pipatchara สร้างผลงานคอลเล็กชันที่ผลิตจากขวดน้ำดื่มสิงห์ PET และฝาขวด PET รวมถึงโครงการคอลลาบอเรชันระหว่าง Singha Drinking Water X Reroute Collection เป็น Special Project นำขวดน้ำดื่มสิงห์มาผลิตเป็นคอลเล็กชันเสื้อผ้า ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
เรียกได้ว่าเป็นรายแรกที่สร้างความเคลื่อนไหวในตลาดน้ำดื่มในไทยที่มีมูลค่า 38,000 ล้านบาท และเติบโตขึ้น 8.9 จากที่คนออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้น โดยสิงห์มั่นใจว่าในปี 2567 จะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดขึ้นมาประมาณ 0.5% ขยับขึ้นมาเป็น 20.5% จากการช่วงชิงส่วนแบ่งจากผู้เล่นรายอื่น
ปัจจุบันน้ำดื่มสิงห์ครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 20% ในตลาดน้ำดื่มแบบขวด PET และขวดแก้ว โดยผู้เล่นอันดับ 2 รองลงมาคือ คริสตัล มีส่วนแบ่งการตลาด 18.6% อันดับ 3 คือ เนสท์เล่ ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาด 11.4%
พรรณทิพย์กล่าวต่อถึงแผนการตลาดของน้ำดื่มสิงห์ในปี 2567 ว่าจะมีแคมเปญและคอลเล็กชันใหม่ๆ ออกมาอยู่เป็นระยะๆ เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์ พร้อมเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ แม้หลายคนจะมองว่าตลาดน้ำดื่มเป็นโปรดักต์ที่คล้ายๆ กัน แต่พฤติกรรมลูกค้าในแต่ละพื้นที่ก็แตกต่างกันออกไป เราจึงต้องพยายามหานวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาตอบโจทย์
พร้อมมองไกลไปถึงการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำดื่มขวดบรรจุภัณฑ์ใส หากความต้องการของตลาดมีมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันฐานการผลิตที่มีอยู่ 5 แห่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา, สิงห์บุรี, มหาสารคาม, สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ ซึ่งแต่ละแห่งยังมีกำลังการผลิตรองรับเพียงพอ ครอบคลุมการทำตลาดทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ปัจจุบันน้ำสิงห์ขนาดบรรจุ 1.5 ลิตรมียอดขายสูงสุด ตามด้วยขนาดบรรจุ 600 มิลลิลิตร และขนาดบรรจุ 750 มิลลิลิตร ซึ่งจากกลยุทธ์ทั้งหมดนี้จะทำให้บริษัทสร้างยอดขายทั้งปีเติบโตได้ 7%